 |
โดย...สิรัลยา จิตอุดมวัฒนา |
สหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นองค์กรที่ไม่มุ่งแสวงหากำไร หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าเจ้าของและผู้ใช้บริการใน
ระบบสหกรณ์เป็นบุคคลเดียวกัน สมาชิกส่วนใหญ่เป็นระดับกลางที่มีรายได้ประจำ การดำเนินธุรกิจของสหกรณ์
ค่อนข้างเป็นระบบปิด แต่ปัจจุบันมีการผ่อนคลายโดยสหกรณ์หลายแห่งเปิดรับสมาชิกสมทบจากภายนอกเพื่อ
ขยาย ปริมาณธุรกิจ ภาพรวมในรอบปี 2553 มีจำนวนสหกรณ์ทั้งสิ้น 1,358 แห่ง จำนวนสมาชิกประมาณ 2.58
ล้านคน หาก เทียบกับจำนวนประชากรของประเทศ (ธ.ค. 53) ซึ่งมีจำนวน 67.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 3.83
ของประชากรทั้ง ประเทศ ปริมาณธุรกิจโดยรวมทั้งสิ้น 1.12 ล้านล้านบาท และมีทุนดำเนินงานทั้งสิ้น 1.08 ล้าน
ล้านบาท คิดเป็น สัดส่วนร้อยละ 10.77 ของสินทรัพย์รวมในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปีเดียวกันที่มียอด
สินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 10.03 ล้านล้านบาท*
ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจสหกรณ์ออมทรัพย์ในรอบปี 2553
รอบปี 2553 ที่ผ่านมา แม้สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยจะมีขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงแต่ไม่ส่ง
ผลกระทบต่อการดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ เนื่องจากสหกรณ์สามารถเพิ่มทุนได้อย่างเป็นประจำต่อเนื่อง
ตามระดับเงินเดือนของสมาชิกที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าสถาบันการเงินอื่น ทำให้สหกรณ์
มีเงินทุนเข้ามาในระบบมากพอสำหรับการขยายผลการดำเนินงานให้เติบโตขึ้นค่อนข้างสม่ำเสมอ ภาวะเศรษฐกิจ
ทางการเงินโดยรวมมีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งด้านจำนวนสหกรณ์และจำนวนสมาชิก ปี 2553 มีจำนวน ทั้งสิ้น
1,358 แห่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 1.88 ด้านจำนวนสมาชิก 2,581,143 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 3.21 สมาชิก
เกือบกึ่งหนึ่งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลถึงร้อยละ 49.91 มีเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจกว่า 1,119,900
ล้านบาทขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.62 ดำเนินงานก่อให้เกิดรายได้รวมทั้งสิ้น 61,578 ล้านบาท ซึ่งได้จาก
การดำเนินธุรกิจสินเชื่อและผลตอบแทนจากการลงทุน โดยมีผลกำไรสุทธิประจำปี 38,454 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
ปีก่อนร้อยละ9.23 สหกรณ์ออมทรัพย์สามารถให้บริการสินเชื่อแก่สมาชิกกว่า 1.11 ล้านล้านบาท หรือ 0.09 ล้าน
ล้านบาทต่อเดือน ณ วันสิ้นปีมีลูกหนี้คงเหลือจำนวน 839,538 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12.13 ของสินเชื่อ
รวมในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปีเดียวกันที่มียอดคงค้างอยู่ทั้งสิ้น6.92 ล้านล้านบาทผลประกอบการของสหกรณ์
สิ้นปีมีกำไรสุทธิประจำปี 38,454 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 9.23
|
ตารางแสดงจำนวน สมาชิก ทุนดำเนินงาน และกำไรสุทธิ ของสหกรณ์ออมทรัพย์แยกเป็นรายภาค
รายภาค |
จำนวน (แห่ง) |
จำนวนสมาชิก (คน) |
ทุนดำเนินงาน
(ล้านบาท) |
ปริมาณธุรกิจ
(ล้านบาท) |
กำไรสุทธิ
(ล้านบาท) |
กรุงเทพฯและปริมณฑล |
512 |
1,288,198 |
558,378.01 |
570,244.02 |
18,622.19 |
ภาคกลาง |
71 |
93,509 |
29,502.38 |
28,424.42 |
1,228.19 |
ภาคตะวันตก |
69 |
92,527 |
28,531.94 |
30,070.72 |
1,066.05 |
ภาคตะวันออก |
126 |
148,973 |
41,804.55 |
41,741.14 |
1,680.95 |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ |
181 |
379,808 |
206,784.94 |
197,447.71 |
7,914.86 |
ภาคใต้ |
142 |
277,406 |
88,923.06 |
94,030.04 |
3,183.36 |
ภาคเหนือ |
163 |
300,722 |
127,662.43 |
158,016.01 |
4,758.69 |
รวมทั้งสิ้น |
1,264 |
2,581,143 |
1,081,587.31 |
1,119,974.06 |
38,454.29 |
* ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2553 สินทรัพย์รวมของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ
จำนวน 17 แห่งเท่ากับ 10,035,637 ล้านบาท
|
โครงสร้างทางการเงินของสหกรณ์
โครงสร้างเงินทุนมาจากทุนดำเนินงานทั้งสิ้น จำนวน 1.08 ล้านล้านบาท มีอัตราเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.03 ประกอบด้วย
แหล่งเงินทุนภายในร้อยละ 87.45 โดยเป็นหุ้นที่สมาชิกถือครองร้อยละ 44.43 เงินรับฝากของสมาชิกร้อยละ 33.84 อื่น ๆ
ร้อยละ 9.18 ในส่วนของแหล่งเงินทุนภายนอกร้อยละ 12.55 เป็นเงินกู้ยืมจากภายนอกร้อยละ 10.86 ขณะที่โครงสร้าง
การใช้ไปของเงินทุนส่วนใหญ่เป็นการให้สมาชิกกู้ยืมถึงร้อยละ 77.62 รองลงมาเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุหนี้ ตั้งแต่
1 10 ร้อยละ 14.25 โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีอัตราการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยง
ในเรื่องการบริหารสภาพคล่อง โดยสหกรณ์ควรดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์
พ.ศ. 2542 เพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคงแก่การดำเนินงานของสหกรณ์ต่อไป
|
ตารางแสดงโครงสร้างทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ในรอบ 5 ปี
รายการ
|
ปี 2549
|
ปี 2550 |
ปี 2551 |
ปี 2552 |
ปี 2553 |
แหล่งเงินทุน |
662,993.52 |
730,818.64 |
834,837.23 |
932,158.65 |
1,081,587.31 |
ภายใน |
561,689.82 |
617,453.04 |
719,361.79 |
804,802.48 |
945,829.45 |
ภายนอก |
101,303.70 |
113,365.60 |
115,475.44 |
127,356.17 |
135,757.86 |
ทางใช้เงินทุน |
662,993.52 |
730,818.64 |
834,837.23 |
932,158.65 |
1,081,587.31 |
ลงทุนในลูกหนี้ |
567,079.43 |
628,364.61 |
686,148.40 |
763,827.80 |
839,538.86 |
ตราสารหนี้ |
68,719.14 |
67,467.67 |
94,863.64 |
111,815.69 |
154,136.85 |
เงินสดและเงินฝาก |
22,934.07 |
29,898.12 |
48,690.22 |
51,223.01 |
81,229.89 |
อื่น ๆ |
4,260.88 |
5,088.24 |
5,134.97 |
5,292.15 |
6,681.71 | |
ยอดเงินออมสะสมสูงกว่าภาระหนี้ของสมาชิกต่อราย
ณ วันสิ้นปี 2553 สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์มีเงินออมสะสมจากทุนเรือนหุ้นและเงินฝากคิดเฉลี่ยเท่ากับ
327,943 บาทต่อราย สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 14.56 หากหันมาพิจารณาเปรียบเทียบภาระหนี้สินของสมาชิกเท่ากับ
325,258 บาทต่อราย สูงขึ้นกว่าปีก่อนร้อยละ 6.49 แสดงให้เห็นว่าสมาชิกของสหกรณ์ต่อรายมีการก่อหนี้เพิ่มสูงขึ้น
แต่ทั้งนี้ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อความมั่นคงของสหกรณ์ด้วยการออมเงินไว้กับสหกรณ์ในอัตราที่สูงขึ้นด้วย ด้านความ
สามารถในการชำระหนี้ของสมาชิกเนื่องจากสหกรณ์เป็นระบบปิดเฉพาะภายในหน่วยงาน จึงได้รับสิทธิในการหัก
ณ ที่จ่ายจากเงินเดือนของสมาชิก ทำให้มีอัตราหนี้ค้างชำระเพียงร้อยละ 1.68 นอกจากนี้ในภาพรวมทั้งระบบสหกรณ์
ออมทรัพย์มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ในรอบปี 2553 จำนวน 2,429.21 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.29 ของ
ลูกหนี้คงเหลือสุทธิ หรือเป็นร้อยละ 0.22 ของสินทรัพย์ทั้งสิ้น
แนวโน้มปี 2554
แนวโน้มคาดว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศในปี 2554 น่าจะยังขยายตัวได้ในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยอัตรา
เพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มีค่าเท่ากับร้อยละ 4.00 * ต่ำกว่าปีก่อนที่มีค่าเท่ากับร้อยละ 7.8
นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาท ต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น ความไม่แน่นอนและเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ
จะเป็นข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงของการดำเนินธุรกิจในระยะต่อไป แต่ปัจจัยดังกล่าวอาจมีผลกระทบกับสหกรณ์
ออมทรัพย์น้อยกว่าธุรกิจการเงินทั่วไป อย่างไรก็ตามสหกรณ์ออมทรัพย์ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทั้งในภาวะ
เศรษฐกิจขาขึ้นหรือขาลง สามารถสร้างกำไรได้เพิ่มขึ้นทุกปีและมีแนวโน้มสูงถึง 40,000 กว่าล้านบาท เนื่องจาก
สมาชิกยังคงเชื่อมั่นและศรัทธาในระบบสหกรณ์อีกทั้งผลตอบแทนที่ได้รับสูงกว่าสถาบันการเงินอื่น
ปัจจัยเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจสำหรับสหกรณ์ในกลุ่มที่มีเงินส่วนเกินจากความต้องการ กู้ยืม ควรมีการบริหาร
ความเสี่ยงด้านสินทรัพย์และหนี้สิน โดยต้องดูแลระมัดระวังการบริหารการลงทุนในระยะยาวให้เกิดความสมดุลเพื่อ
รองรับกับความผันผวนของตลาดหุ้น ควรติดตามการเคลื่อนไหวและทิศทางแนวโน้มทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ
รวมถึงการเพิ่มทุนสำรองให้มีเพียงพอ ส่งเสริมให้สมาชิกมีวินัยทางการเงิน เพิ่มความรอบคอบในการดำเนินธุรกิจ
ยึดหลักบริหารงานตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลักการสหกรณ์ในการพึ่งตนเอง เพิ่มความรอบคอบ
ในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงประโยชน์ของสหกรณ์และสมาชิกเป็นหลัก รวมทั้งเฝ้าระวังและติดตามปัจจัยเสี่ยง
ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน ฯลฯ
* ข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานแนวโน้มธุรกิจ
| |