ภาวะเศรษฐกิจสหกรณ์ภาคการเกษตรจำนวน3,695 แห่ง ประกอบด้วย 3 ประเภทสหกรณ์ คือ สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ประมง และสหกรณ์นิคม มีสมาชิกรวม 6.3 ล้านคนเศษ คิดเป็น ร้อยละ 9.40ของประชากรทั้งประเทศ ดำเนินธุรกิจภายใต้ทุนดำเนินการ 1.40 แสนล้านบาท บริหารจัดการ 5 ธุรกิจหลักให้บริการ สร้างมูลค่าธุรกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.85 และทำกำไรสุทธิได้ทุกประเภทสหกรณ์เพิ่มขึ้นร้อยละ10.57 เมื่อเทียบกับปี 2552 อย่างไรก็ตามทุกประเภทสหกรณ์มีอัตราค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวมค่อนข้างสูงเกินกว่าร้อยละ 90 ขึ้นไป ส่วนการควบคุมภายในมีพัฒนามีดีขึ้นส่วนใหญ่อยู่ในระดับดี-ดีมาก สถานการณ์ทางการเงินไม่น่าเป็นห่วงมากนักทุนสหกรณ์สามารถรองรับหนี้ภายนอกได้ถึง 1.35 เท่า
วัตถุประสงค์สหกรณ์ภาคการเกษตร
สหกรณ์ภาคการเกษตรดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์หลักที่กำหนดไว้แบบอเนกประสงค์มี 5 ด้านรับฝากเงิน ให้สินเชื่อ จัดหาสินค้ามาจำหน่าย รวมรวบผลิตผล/แปรรูป และให้บริการ ปี 2553 มีมูลค่าธุรกิจรวมทั้งสิ้น 2.34 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.83ของมูลค่าธุรกิจรวมภาคสหกรณ์ไทยทั้งประเทศ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.85 เมื่อเทียบกับปี 2552 ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2551-2553) ธุรกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี จาก 1.86 แสนล้านบาท ในปี 2551 เป็น 2.34 แสนล้านบาทในปี 2553 แนวโน้มปี 2554 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 15.68 เป็น 2.71 แสนล้านบาท
สามารถทำกำไรได้ในอัตราร้อยละ 2.85 กว่า 4 พันล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 2.80 ของรายได้ทั้งสิ้น มีเพียง 912 แห่ง ประสบการขาดทุน 490.49 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 0.33 ของรายได้ทั้งสิ้น รอบ 3 ปี (ปี2551-2553) กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 1.50 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 57.25 จาก 2.62 พันล้านบาท ในปี2551 เป็น 4.12 พันล้านบาท ในปี2553 และคาดว่า ในปี 2554 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.38
การควบคุมภายในมีพัฒนาดีขึ้นส่วนใหญ่อยู่ในระดับค่อนข้างดี-ดีมากร้อยละ 82.83 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.29 เมื่อเทียบกับปี2552 ขณะที่ระดับต้องปรับปรุงมีเพียงร้อยละ 3.38 ปรับลดลง ร้อยละ 1.78 เมื่อเทียบกับปี2552 และคาดว่า ในปี2554 จะมีพัฒนาดีขึ้นส่วนระดับดี-ดีมาก และปรับลดลงในส่วนของที่ต้องปรับปรุง
สภาพคล่องทางการเงิน (Liquidity)
ความเพียงพอของสภาพคล่องต่อความต้องการเงินของสหกรณ์ภาคการเกษตรไม่น่าเป็นห่วงนัก แม้มีสัดส่วนของสินทรัพย์หมุนเวียนน้อยกว่าหนี้สินหมุนเวียนในอัตรา 1.16 เท่า เนื่องจากหนี้สินหมุนเวียนส่วนใหญ่เป็นเงินรับฝากของสมาชิกร้อยละ 42.50 และลูกหนี้ส่วนใหญ่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเกินครึ่งถึงร้อยละ 65.11 อีกทั้งสมาชิกมีเงินออมเฉลี่ยต่อคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.85 ขณะที่หนี้สินเฉลี่ยต่อคนปรับลดลงร้อยละ 10.40 เมื่อเทียบกับปี 2552 ดังนั้นสภาพคล่องทางการเงินไม่น่าเป็นห่วงมากนัก
ผลกระทบของธุรกิจ (Sensitivity)
มีปัจจัยเสี่ยงเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาท ภัยธรรมชาติ ศัตรูพืช ราคาสินค้า/พืชผลไม่แน่นอน รวมถึงนโยบายภาครัฐ เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจสหกรณ์ภาคการเกษตรไม่น้อย ทั้งด้านของการลงทุน การออม การบริโภค และภาระการผ่อนชำระหนี้ของสมาชิก จึงเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังทางการเงิน โดยพัฒนาระบบเตือนภัยทางการเงิน (Warning System) และการพัฒนาระบบการสร้างมูลค่าเพิ่ม(Value Driver) เพื่อการเพิ่มศักยภาพการจัดการทางการเงิน การดำเนินการ และการให้ความสำคัญในการสร้างผลตอบแทนทางสังคม
แนวโน้มเศรษฐกิจสหกรณ์ภาคการเกษตร ปี 2554
***********************