Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 
จีระศักดิ์ อุราสาย
            ถ้ามีคนถามท่านว่าเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของทุกองค์กรคืออะไร ทุกท่านคงเดาถูกว่าคำตอบที่ถูกต้องเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์คือ กำไรสูงสุดนั่นเองที่แทบจะทุกองค์กรธุรกิจปรารถนา แม้แต่ภาคสหกรณ์ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นเดียวกันใช่ไหมครับ เพียงแต่ว่าปรัชญาหรือจุดประสงค์ในการก่อตั้งและดำเนินงานของภาคสหกรณ์นั้นแตกต่างจากภาคธุรกิจตรงที่ภาคสหกรณ์ไม่ได้มุ่งเป้าหมายไปที่การทำกำไรสูงสุดเป็นอันดับแรกหากแต่มุ่งเน้นการสนับสนุนเกื้อกูลมวลสมาชิกให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างเข้มแข็ง และยั่งยืน
            หลังจากที่ทราบแล้วว่ากำไรสูงสุดคือสิ่งที่แทบจะทุกองค์กรต้องการ คำถามต่อไปคือแล้วอะไรที่กำหนดความเป็นไปของกำไร ผมเองมั่นใจว่าทุกท่านต้องตอบได้ว่า คือยอดขาย และต้นทุน ยังไงล่ะ เนื่องจากนักบัญชี พ่อค้าแม่ขายหรือแม้แต่ชาวบ้านทั่วไปจะทราบดีอยู่แล้วว่า
                                กำไรสุทธิ = มูลค่าขาย - ต้นทุนขาย
            จากสมการพื้นฐานแบบง่ายนี้ เราจะเห็นว่ามีตัวแปรอยู่สามตัวคือ กำไรสุทธิ มูลค่าขาย และต้นทุนขาย หากเราวิเคราะห์แบบธรรมดาไม่ซับซ้อนมากนักก็จะทราบว่าถ้าต้องการกำไรมากๆ ก็เพิ่มมูลค่าขายให้สูงๆ แล้วลดต้นทุนขายให้เหลือน้อยที่สุดเท่านั้นเอง แต่การทำธุรกิจโดยทั่วไปจะมีปัจจัยหรือตัวแปรที่เกี่ยวข้องมากมาย มีทั้งตัวแปรที่เราควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ หลายคนชื่นชอบที่จะไปหาหมอดูเพื่อทำนายดวงชะตาว่าเดือนหน้า หรือปีหน้าตนเองจะเป็นอย่างไร ต้องเตรียมตัวหรือระวังอะไรบ้าง การทำธุรกิจก็เช่นเดียวกันต้องมีการพยากรณ์การดำเนินงานล่วงหน้าเพื่ออะไรครับ ก็เพื่อใช้กำหนดนโยบาย กลยุทธ์ หรือวางแผนล่วงหน้าให้ธุรกิจสามารถมีกำไรและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้ ธุรกิจจึงจำเป็นจะต้องทราบว่าอะไรบ้างที่มีอิทธิพลหรือมีส่วนกำหนดความเป็นไปของผลการดำเนินงานมากที่สุด เพื่อมุ่งเน้นและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
            การหาคำตอบขององค์กรทางธุรกิจไม่อาจจะใช้วิธีเดียวกับการพยากรณ์ดวงชะตาของคนทั่วไปได้ แล้วอะไรคือทางออกที่เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับ คำตอบคือ เราใช้หลักการทางสถิติมาช่วยได้ครับ การจะหาคำตอบว่า ตัวแปรหรือปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อความเป็นไปของกำไรสุทธิ เราจะใช้การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression) มาช่วยหาคำตอบให้เราได้ครับ
            โดยเริ่มจากสมการหรือแบบจำลองการถดถอยพหุคูณที่ใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรหลายๆ ตัว
             Y = b0 + b1x1 + b2 x2 + b3 x3 + ………. + bn xn
              ถ้าเราให้ Y = กำไร
                         x1 = ทุนดำเนินงาน
                         x2 = จำนวนสมาชิก
                         x3 = ต้นทุนธุรกิจ
                         x4 = เงินกู้และเครดิตทางการค้า
                         x5 = เจ้าหนี้เงินกู้ระยะสั้น
                         ... และ อื่น ๆ
              การทดสอบนี้จะแยกประเภทสหกรณ์ออกเป็น 7 ประเภท และ 1 กลุ่มเกษตรกร แล้วทดสอบครั้งละประเภท ตัวอย่างจากผลการคำนวณทางสถิติด้วยสมการถดถอย (แบบจำลอง) เพื่อใช้ดูความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ ที่มีผลต่อการทำกำไรของสหกรณ์การเกษตร เป็นดังตารางที่ 1
        ตารางที่ 1 แสดงผลการคำนวณค่าสถิติในสมการถดถอย กรณีตัวอย่าง สหกรณ์การเกษตร
         จากตารางข้างต้น เราจึงสามารถสร้างแบบจำลองกำไรสุทธิของสหกรณ์การเกษตรได้ดังนี้
                 จากแบบจำลองการถดถอยพหุคูณทั่วไป
                             Y = b0 + b1x1 + b2 x2 + b3 x3 + ………. + bn xn
                   เราจะได้แบบจำลองกำไรของสหกรณ์การเกษตรดังนี้
                            กำไรสุทธิ = - 80,337.67
                        - 13.54 (จำนวนสมาชิก) - 0.701 (ค่าใช้จ่ายเฉพาะธุรกิจ)+0.623 (รายได้ธุรกิจหลัก)
                        - 0.622 (ต้นทุนธุรกิจ) - 0.104 (เงินสด) - 0.093 (ทุนเรือนหุ้น)
                        +0.081 (สินค้าคงเหลือธุรกิจจัดหา) - 0.078 (หนี้สินทั้งสิ้น)
                        + 0.071 (ทุนดำเนินงาน)  - 0.066 (สินค้าคงหลือ)
                        + 0.054 (เงินกู้และเครดิตการค้า) - 0.051 (เจ้าหนี้เงินกู้ระยะสั้น)
                        + 0.038 (ทุนสำรอง) -0.024 (ลูกหนี้และเงินให้กู้ยืมสุทธิ)
                        + 0.022 (สินค้าและอื่นๆ) -0.015 (เงินกู้)+0.014 (สินทรัพย์หมุนเวียน)
                         - 0.008 (เงินฝากธนาคาร) -0.001(หนี้สินหมุนเวียน)
                  จากแบบจำลองอธิบายได้ว่า ตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อความเป็นไปของกำไรสุทธิของสหกรณ์ภาคการเกษตรมากที่สุดคือ จำนวนสมาชิก (เนื่องจากมีค่าน้ำหนักอิทธิพลมากที่สุดเท่ากับ 13.54) รองลงมาได้แก่ ค่าใช้จ่ายเฉพาะธุรกิจ รายได้ธุรกิจหลัก ต้นทุนธุรกิจ เงินสด ทุนเรือนหุ้น สินค้าคงเหลือธุรกิจจัดหา หนี้สินทั้งสิ้น ทุนดำเนินงาน สินค้าคงเหลือ เงินกู้และเครดิตทางการค้า เจ้าหนี้เงินกู้ระยะสั้น ทุนสำรอง ลูกหนี้และเงินให้กู้ยืมสุทธิ สินค้าและอื่นๆ เงินกู้ สินทรัพย์หมุนเวียน เงินฝากธนาคาร และหนี้สินหมุนเวียน ตามลำดับ โดยอิทธิพลหรือการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อกำไรสุทธินั้นจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือตรงกันข้ามสามารถดูได้จากเครื่องหมายของสัมประสิทธิ์ (น้ำหนัก) หน้าตัวแปรในแบบจำลอง ถ้าเป็นเครื่องหมายเป็นบวกแสดงว่ามีอิทธิพลต่อกำไรสุทธิในทิศทางเดียวกัน ถ้าเป็นลบ แสดงว่ามีอิทธิพลในทิศทางตรงข้ามกัน ตัวอย่างเช่น ถ้ารายได้ธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น 1 บาท จะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 0.623 บาท ถ้าค่าใช้จ่ายเฉพาะธุรกิจเพิ่มขึ้น 1 บาท จะทำให้กำไรสุทธิลดลง 0.701 บาท หรือถ้าหนี้สินทั้งสิ้นเพิ่มขึ้น 1 บาท จะทำให้กำไรสุทธิลดลง 0.078 บาท และสามารถแสดงในรูปแบบตารางที่ 2 เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นดังนี้
ตารางที่ 2 การเปลี่ยนแปลงของกำไรสุทธิเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของตัวแปร กรณี สหกรณ์การเกษตร
 
          จากตาราง อธิบายได้แบบนี้ครับว่า ถ้าค่าของตัวแปรต่อไปนี้ ได้แก่ จำนวนสมาชิก ค่าใช้จ่ายเฉพาะธุรกิจ ต้นทุนธุรกิจ เจ้าหนี้เงินกู้ระยะสั้น ทุนเรือนหุ้น หนี้สินทั้งสิ้น หรือสินค้าคงเหลือ ลดลง จะทำให้กำไรสหกรณ์การเกษตรเพิ่มขึ้น (เปลี่ยนแปลงในทิศทางตรงกันข้าม) แต่ในขณะเดียวกันถ้าเราเพิ่มรายได้ธุรกิจหลักทุนดำเนินงาน ทุนสำรอง รายได้ธุรกิจหลัก หรือเงินกู้และเครดิตทางการค้าให้มากขึ้นจะทำให้กำไรสุทธิของสหกรณ์การเกษตรเพิ่มขึ้น (เปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกัน) ตามไปด้วยครับ
           บทสรุป การที่แบบจำลองแสดงผลว่า ถ้าเพิ่มจำนวนสมาชิกให้มากขึ้นแล้วทำให้กำไรลดลงนั้นอาจจะทำให้ผู้อ่านหลายท่านสงสัยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เนื่องจากในความรู้สึกของผู้คนทั่วไปจะมองว่า การระดมทุนเรือนหุ้นจากสมาชิกให้มากๆ (ซึ่งก็คือการรับสมาชิกมากๆ) น่าจะเป็นผลดีต่อสหกรณ์ เพราะสหกรณ์มีทุนมากขึ้นย่อมมีโอกาสทำกำไรมากขึ้น ถูกต้องครับ แต่ถูกในแง่มุมเดียว ถ้าเรามองอีกมุมว่า หากสหกรณ์เน้นการระดมทุนจากสมาชิกเพียงอย่างเดียวแต่ไม่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเงินทุนที่ได้มาอย่างเหมาะสมมากเท่าที่ควร การระดมทุนนั้นจึงไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในขณะที่การบริหารต้นทุนยังทำได้ไม่เต็มที่แล้วหรือไม่ดีพอแล้ว ย่อมทำให้กำไรสุทธิของสหกรณ์ลดลงได้ ดังนั้นเราจึงควรวิเคราะห์แบบจำลองดังกล่าวอย่างลึกซึ้งเพียงพอที่จะสะท้อนให้เห็นว่า การมีจำนวนสมาชิกมากๆ ไม่ได้มีแต่ข้อดีเพียงอย่างเดียว สิ่งที่สหกรณ์การเกษตรต้องดำเนินการควบคู่กันไปคือ พัฒนาการบริหารจัดการเงินทุนที่ได้มานั้นอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมให้มีประโยชน์งอกเงยขึ้นมาด้วยครับ จึงจะนับว่าเป็นสหกรณ์ที่เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนสามารถเป็นที่พึ่งของมวลสมาชิกได้ต่อ่ไป
 
 
 
ข่าว/บทความยอดนิยม ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด ข่าว/บทความล่าสุด
Learning English : ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (22/03/2550)
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปี 2555
วิกฤตเศรษฐกิจกระทบเศรษฐกิจสหกรณ์ออมทรัพย์หรือไม่ อย่างไร...
บัญชีต้นทุนประกอบอาชีพช่วยเกษตรกรเรื่องภาษีได้
ผู้สอบบัญชีสหกรณ์มีบทบาทและหน้าที่ในการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตในสหกรณ์ได้อย่างไร
ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 2549 (28/03/2550)
กฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Law)
“ขนิษฐา มะโนสมบัติ”ครูบัญชีอาสา จังหวัดเชียงรายใช้ศาสตร์พระราชานำทางชีวิต พลิกวิกฤตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
มิติทางการเงินที่มีผลต่อหนี้สินของสหกรณ์ประมงในประเทศไทย
สหกรณ์ไทย ...คืนกำไรสู่สมาชิก 80.52 %
สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ และแนวโน้ม ปี 2568
สถานการณ์การค้าข้าวไทยและการรวบรวมผลิตผลข้าวเปลือกของภาคสหกรณ์์ไทยปี 2567
สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีส่วนขาดแห่งทุน
หนี้ที่ชำระไม่ได้ตามกำหนด/NPL ภาคสหกรณ์ไทย ในไตรมาส 2/2567
สุขภาพทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์
จำนวนคนอ่าน 19233 คน จำนวนคนโหวต 22 คน

  จำนวนคนโหวต 22 คน
โหวตคะแนนให้ข่าว/บทความนี้
1 2 3 4 5

  ระดับ 

  ให้ 1 คะแนน
 
9%
  ให้ 2 คะแนน
0%
  ให้ 3 คะแนน
 
5%
  ให้ 4 คะแนน
 
23%
  ให้ 5 คะแนน
 
64%
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel