Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 
โดย สิรัลยา จิตอุดมวัฒนา
             ปัญหาหนี้สินของบุคลากรทางการศึกษา หรือ ครูทั่วประเทศ นับเป็นเรื่องที่ทุกรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศให้ความสนใจมาโดยตลอด เท่าที่ผ่านมาผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้แก่ เปลี่ยนเจ้าหนี้ให้ใหม่ หาช่องทางการลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือขยายเพิ่มต้นเงินกู้ให้สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสำเร็จเสร็จสิ้น จนเวลาล่วงเลยนับสิบปี จำนวนหนี้ของครูดูเหมือนจะพอกพูนสูงขึ้นตามระยะเวลาสวนทางกับอายุงานที่นับวันมีแต่จะลดน้อยถอยลง อีกทั้งช่องทางการเป็นหนี้ก็เพิ่มมากจนประชิดติดตามครูเหมือนเงาตามตัวอีกด้วย
             ปัจจุบันพบว่าแหล่งเงินกู้ที่สำคัญ ๆ ของครูทั่วประเทศมาจากหลาย ๆ แหล่ง อันได้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ , สินเชื่อโครงการพัฒนาชีวิตครูฯ ผ่านธนาคารออมสิน , สินเชื่อโครงการกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาฯ , โครงการเงินกู้ ช.พ.ค.ต่าง ๆ และแหล่งที่สามารถสร้างหนี้ได้ง่ายที่สุดอย่างบัตรเครดิต และกู้ยืมหนี้นอกระบบ เป็นต้น
             ผลการประเมินภาระหนี้สินของสมาชิกครูในระบบสหกรณ์
             จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในรอบปี 2554 จำนวนสหกรณ์ออมทรัพย์ครู มีจำนวนทั้งสิ้น 115 แห่ง สามารถตรวจสอบบัญชีและรับรองงบการเงินได้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 จำนวน 109 แห่ง มีจำนวนสมาชิกโดยรวมทั้งประเทศ 7.21 แสนคน การกระจายตัวของสมาชิกอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูงสุด ร้อยละ 31.40 รองลงมาได้แก่ภาคเหนือ ร้อยละ 25.86 ส่วนใหญ่สมาชิกกว่าครึ่งก่อหนี้ผูกพันกับสหกรณ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว คิดเป็นร้อยละ 4.21 และร้อยละ 95.79 ของหนี้คงเหลือสิ้นปีตามลำดับ ทั้งนี้มีลูกหนี้คงเหลือ 490,124 ราย คิดเป็นมูลค่า 4.08 แสนล้านบาท หากเปรียบเทียบการเป็นหนี้ต่อราย สมาชิกมีหนี้สินกับสหกรณ์เฉลี่ยรายละ 833,135 บาท โดยสหกรณ์คิดดอกเบี้ยตามระเบียบที่กำหนดตั้งแต่ร้อยละ 5.00 - 7.75 ต่อปี        

          ข้อมูลการให้สินเชื่อในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2550 – พ.ศ. 2554) แสดงการก่อหนี้ของสมาชิกครูเพิ่มขึ้นจาก 233,788 ล้านบาทในปี 2550 เพิ่มเป็น 368,947 ล้านบาทในปี 2554 อัตราการเพิ่มขึ้นจากปี 2550 – 2554 เท่ากับร้อยละ 57.81 หรือคิดโดยเฉลี่ยสหกรณ์จ่ายเงินกู้ให้สมาชิกในรอบปี 2554 มีมูลค่า 30,745 ล้านบาท ต่อเดือน หากพิจารณาเปรียบเทียบอัตราการเพิ่มขึ้นของการจ่ายเงินกู้ระหว่างปีและการรับชำระหนี้คืนจากสมาชิกพบว่ามีแนวโน้มการจ่ายเงินกู้เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปี 2554 อีกทั้งปริมาณการจ่ายเงินกู้ในรอบ 5 ปีก็เพิ่มจำนวนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ผลปรากฏตามรูปกราฟที่แสดง)
              แสดงการเปรียบเทียบอัตราการเพิ่มขึ้น                      แสดงการจ่ายเงินกู้ในรอบ 5 ปีของสอ.ครู
                    ของจ่ายเงินกู้และการชำระคืน                                                           หน่วย : ล้านบาท
 
  
                 ------- อัตราเพิ่มขึ้นของการจ่ายเงินกู้รวม
                 ------- อัตราเพิ่มขึ้นของการชำระคืนเงินกู้รวม
 
                      ด้านการใช้เงินกู้สมาชิกครูส่วนใหญ่นำไปชำระหนี้สินเดิมในสหกรณ์และหนี้สินภายนอก ร้อยละ 29.69 รองลงมา นำไปใช้เพื่อก่อสร้าง ปรับปรุงที่อยู่อาศัย ร้อยละ 13.43 ที่เหลือนำไปใช้จ่ายในครอบครัว ร้อยละ 9.81 ซื้อบ้านพร้อมที่ดิน ยานพาหนะและอื่น ๆ ร้อยละ 14.38 เมื่อกระจายตามภาคพบว่า สมาชิกครูในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกู้เงินกับสหกรณ์สูงสุด รองลงมาได้แก่ ภาคเหนือ หากพิจารณาคุณภาพของสินเชื่อ สิ้นปีพบว่ามีสินเชื่อด้อยคุณภาพเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้( NPL) ในระบบสหกรณ์ครู จำนวน 942.13 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.23 ของสินเชื่อรวม ในจำนวนลูกหนี้ดังกล่าวข้างต้นได้สำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้แล้วจำนวน 346.80 ล้านบาท
                     ในความเป็นจริงแล้วครูก็ไม่ต่างจากสมาชิกของกลุ่มราชการอื่น ที่ตกอยู่ภายใต้กระแสการบริโภคนิยมที่ต้องการเป็นผู้ถูกมองว่าเป็นคนมีระดับ ทั้งที่ปัจจุบันอาจมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย แต่การที่จำนวนสมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูและปริมาณเงินในระบบที่มีจำนวนมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ จึงเป็นช่องทางให้ทั้งเงินกู้และงวดการชำระหนี้มีการขยายออกไปอย่างมากแทบจนเกินกำลังของผู้กู้ นอกจากนี้จำนวนเงินในระบบของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่มีมูลค่ามหาศาล ยังเป็นแรงจูงใจให้กับผู้แสวงหาผลประโยชน์เข้ามาแทรกแซงช่องว่างของระบบสหกรณ์ ดังเช่นแชร์ล็อตเตอรี่ที่กำลังเป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนอยู่ในขณะนี้ โดยสหกรณ์ออมทรัพย์ส่วนหนึ่งนำเงินของสหกรณ์หรือบางแห่งก็ไปกู้ยืมจากภายนอก เพื่อนำไปลงทุนโดยทำสัญญาซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลกับบริษัทเอกชน ซึ่งอ้างว่าได้รับโควตาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาที่เสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายให้กับสหกรณ์ เนื่องจากส่อไปในทางเอื้อผลประโยชน์ต่างตอบแทนให้กับกลุ่มบริษัทดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการสหกรณ์ฯ (บางแห่ง) ทำการตกลงชำระเงินจ่ายค่าจองสลากให้กับบริษัทไปก่อนโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน การดำเนินธุรกิจดังกล่าวไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 มาตรา 33 (1) และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสหกรณ์ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับสหกรณ์ที่ดำเนินธุรกิจนี้แล้วหลายแห่งเป็นมูลค่ารวมกว่า 25,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่วมมือกันช่วยคลี่คลายปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
                     จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าสมาชิกกลุ่มอาชีพครูเป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งของ กลุ่มอาชีพรับข้าราชการที่มีการก่อหนี้สินในระบบสหกรณ์ที่ค่อนข้างสูง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรหันมาร่วมมือช่วยกันดูแลแก้ไขเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน อีกทั้งสำหรับตัวสมาชิกเองก็ต้องปฏิบัติตนเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เห็นว่าวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นที่จะทำให้สมาชิกมีหนี้สินน้อยที่สุดคือ สมาชิกต้องพยายามกำกับการใช้จ่ายของตนเองให้สมดุลกับรายได้ ลดความฟุ่มเฟือยลง ก่อนตัดสินใจซื้อสิ่งใดต้องคำนึงถึงความจำเป็นหรือประโยชน์ที่คุ้มค่า อีกทั้งหากรู้จักทำบัญชีควบคุมเงินรับ - จ่ายในครอบครัว ก็จะช่วยสร้างเสริมให้ตนเองมีวินัยทางการเงินมากขึ้น
                     
                                                        ------------------------------

 

 

ข่าว/บทความยอดนิยม ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด ข่าว/บทความล่าสุด
Learning English : ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (22/03/2550)
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปี 2555
วิกฤตเศรษฐกิจกระทบเศรษฐกิจสหกรณ์ออมทรัพย์หรือไม่ อย่างไร...
บัญชีต้นทุนประกอบอาชีพช่วยเกษตรกรเรื่องภาษีได้
ผู้สอบบัญชีสหกรณ์มีบทบาทและหน้าที่ในการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตในสหกรณ์ได้อย่างไร
ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 2549 (28/03/2550)
กฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Law)
“ขนิษฐา มะโนสมบัติ”ครูบัญชีอาสา จังหวัดเชียงรายใช้ศาสตร์พระราชานำทางชีวิต พลิกวิกฤตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
มิติทางการเงินที่มีผลต่อหนี้สินของสหกรณ์ประมงในประเทศไทย
สหกรณ์ไทย ...คืนกำไรสู่สมาชิก 80.52 %
สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ และแนวโน้ม ปี 2568
สถานการณ์การค้าข้าวไทยและการรวบรวมผลิตผลข้าวเปลือกของภาคสหกรณ์์ไทยปี 2567
สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีส่วนขาดแห่งทุน
หนี้ที่ชำระไม่ได้ตามกำหนด/NPL ภาคสหกรณ์ไทย ในไตรมาส 2/2567
สุขภาพทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์
จำนวนคนอ่าน 26181 คน จำนวนคนโหวต 46 คน

  จำนวนคนโหวต 46 คน
โหวตคะแนนให้ข่าว/บทความนี้
1 2 3 4 5

  ระดับ 

  ให้ 1 คะแนน
 
2%
  ให้ 2 คะแนน
 
2%
  ให้ 3 คะแนน
 
4%
  ให้ 4 คะแนน
 
13%
  ให้ 5 คะแนน
 
78%
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel