Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 

กลุ่มวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน

                                                                                                         
                                                                      *************************

ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 3/2555

              สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 นั้น ยังคงคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยจะมีค่าเป็นบวกได้ในระดับที่สูงขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับอานิสงส์จากฐานมูลค่าเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับต่ำในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 และแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภายในประเทศที่น่าจะมีแรงกระตุ้นจากภาครัฐเข้ามาสมทบ และ/หรือชดเชยการใช้จ่ายในส่วนของภาคเอกชนและการส่งออกที่อาจเผชิญสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนมากขึ้นจากต้นทุนการผลิต สถานการณ์การเมืองในประเทศ รวมทั้งช่วงเวลาการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่เป็นแกนหลักอาจ ลากยาวออกไป ท่ามกลางบรรยากาศความเสี่ยงจากยุโรปและตะวันออกกลาง
               จากดังกล่าวข้างต้น ทำให้ประเมินว่า แม้ภาคการใช้จ่ายในประเทศ จะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ภาคการส่งออกของไทย ก็ยังคงมีความเชื่อมโยงกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ที่ปกคลุมไปด้วยความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยูโรโซน ทั้งนี้ แม้สัดส่วนการส่งออกไปยัง ยูโรโซนโดยตรงจะลดน้อยลงอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แต่ผลกระทบทางอ้อมที่อาจฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่น ๆ ก็อาจเป็นสถานการณ์ที่เลี่ยงได้ยาก โดยอาจต้องจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งปีหลังอย่างใกล้ชิด เพราะหากวิกฤตหนี้ยุโรปยังไม่ลดระดับ ความเสี่ยงลง ก็อาจทำให้ช่วงเวลาการฟื้นกลับของเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะเริ่มในช่วงไตรมาส 3/2555 ต้องล่าช้าออกไป ซึ่งก็ย่อมจะมีผลต่อหลายอุตสาหกรรมของไทยที่มีจีนเป็นตลาดส่งออกหลัก อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น

ภาวะเศรษฐกิจของภาคสหกรณ์ไทยไตรมาสที่ 3/2555


รายการ


ไตรมาสที่ 2


ไตรมาสที่ 3


เพิ่ม/(ลด)


ร้อยละ

  จำนวน (แห่ง)

       สหกรณ์

       กลุ่มเกษตรกร
10,416

6,440

3,976
10,790

6,605

4,185
374

165

209
3.59

2.56

5.26

  จำนวนสมาชิก (ล้านคน)


 11.65


 11.73


0.08


0.69

 
  ทุนดำเนินงาน (ล้านล้านบาท)


1.77


1.76


(0.01)


(0.56)


  ปริมาณธุรกิจ (ล้านบาท)

       รับฝากเงิน

       ให้เงินกู้

       จัดหาสินค้ามาจำหน่าย

       รวบรวม/แปรรูปผลิตผล

       ให้บริการ
 
2,214,291.66

492,369.84

1,510,834.35

72,277.63

137,230.51

1,579.33
 
2,217,419.04

493,034.70

1,507,731.64

74,000.46

141,031.58

1,620.66
 
 3,127.38

664.86

(3,102.71)

1,722.83

3,801.07

41.33
 
 0.14

0.14

(0.21)

2.38

2.77

2.62
  ผลการดำเนินงาน (ล้านบาท)

       รายได้

       ค่าใช้จ่าย

       กำไร(ขาดทุน)สุทธิ
 
 
320,898.86

265,413.10

55,485.76
 
 
325,090.59

269,824.98

55,265.61
 
 
4,191.73

4,411.88

(220.15)
 
 
1.31

1.66

(0.40)
         
          ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 พบว่า สหกรณ์มีจำนวนทั้งสิ้น 10,790 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.59 จากไตรมาสที่ 2 แบ่งเป็นสหกรณ์จำนวน 6,605 แห่ง และกลุ่มเกษตรกรจำนวน 4,185 แห่ง ประกอบด้วยสมาชิกทั้งสิ้น 11.73 ล้านคน มีทุนดำเนินงานรวมเท่ากับ 1.76 ล้านล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.56 จากไตรมาสที่ 2 มูลค่าธุรกิจรวม 2.22 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.14 จากไตรมาสที่ 2 ผลการดำเนินงานมีผลกำไรสุทธิ 0.06 ล้านล้านบาท ลดลงจากไตรมาสที่ 2 ร้อยละ 0.40
 
ปริมาณธุรกิจของภาคสหกรณ์ไทยไตรมาสที่ 3/2555
 
          การดำเนินธุรกิจของภาคสหกรณ์ในภาพรวมพบว่า ธุรกิจที่มีมูลค่าสูงสุดได้แก่ ธุรกิจการให้เงินกู้ รองลงมาธุรกิจการรับฝากเงิน ธุรกิจรวบรวม/แปรรูปผลิตผล ธุรกิจการจัดหาสินค้ามาจำหน่าย และธุรกิจการให้บริการและส่งเสริมการเกษตร ตามลำดับ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
 
          ธุรกิจการให้เงินกู้ยืม (สินเชื่อ) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.50 ล้านล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.21 จากไตรมาสที่ 2 โดยสหกรณ์นอกภาคการเกษตรมีปริมาณการให้สินเชื่อสูงสุดเท่ากับ 1.10 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 73.19 ของจำนวนเงินให้สินเชื่อทั้งระบบ (เป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ถึงร้อยละ 71.85)สหกรณ์ภาคการเกษตรมีจำนวนเท่ากับ 0.40 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.70 และกลุ่มเกษตรกร 1.62 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.11 ตามลำดับ
 
          ธุรกิจการรับฝากเงิน การรับฝากเงินของภาคสหกรณ์ทั้งระบบมีมูลค่าทั้งสิ้น 0.50 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.23 ของมูลค่าธุรกิจรวมทั้งสิ้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ร้อยละ 0.14 โดยสหกรณ์นอกภาคการเกษตรมีปริมาณสูงสุดเท่ากับ 0.42 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 86.04 ของเงินฝากทั้งระบบ สหกรณ์ภาคการเกษตรมียอดเงินรับฝาก 0.07 ล้านล้านบาท ร้อยละ 13.89 และกลุ่มเกษตรกร 0.33 พันล้านบาท ร้อยละ 0.07 ของตามลำดับ
 
          ธุรกิจรวบรวม/แปรรูปผลิตผล มีมูลค่ารวมเท่ากับ 1.41 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.77 จากไตรมาสที่ 2 คิดเป็นร้อยละ 6.36 ของมูลค่าธุรกิจทั้งสิ้น
 
          ธุรกิจการจัดหาสินค้ามาจำหน่าย มูลค่าสินค้าที่จัดหามาจำหน่ายให้สมาชิกของภาคสหกรณ์ไทยเท่ากับ 7.40 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.38 จากไตรมาสที่ 2 โดยสหกรณ์ภาคการเกษตรมียอดการจำหน่ายสูงสุด 6.22 หมื่นล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 84.12 ของยอดรวมทั้งสิ้น
 
          ธุรกิจการให้บริการและส่งเสริมการเกษตร มีมูลค่ารวมเท่ากับ 1.62 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.62 จากไตรมาสที่ 2
          หากพิจารณารายภาคธุรกิจสรุปเป็นดังนี้
 
          สหกรณ์ภาคการเกษตร มีมูลค่าธุรกิจรวมเท่ากับ 0.66 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส ที่ 2 ร้อยละ 1.41 โดยคิดเป็นร้อยละ 29.77 ของปริมาณธุรกิจทั้งสิ้น ประกอบด้วยการให้เงินกู้จำนวน 0.40 ล้านล้านบาท การรวบรวม/แปรรูปผลิตผลจำนวน 0.13 ล้านล้านบาท การรับฝากเงิน 0.07 ล้านล้านบาท และการจัดหาสินค้ามาจำหน่าย 0.06 ล้านล้านบาท ตามลำดับ
 
          สหกรณ์นอกภาคการเกษตร มีมูลค่าธุรกิจรวมเท่ากับ 1.54 ล้านล้านบาท ลดลงจากไตรมาสที่ 2 ร้อยละ 0.40 คิดเป็นร้อยละ 69.59 ของปริมาณธุรกิจทั้งสิ้น โดยมีธุรกิจเงินให้กู้เป็นธุรกิจ ที่ได้รับการตอบรับมากที่สุดจากสมาชิก 1.10 ล้านล้านบาท รองลงมาได้แก่ธุรกิจการรับฝากเงิน 0.43 ล้านล้านบาท และธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย 0.01 แสนล้านบาท ตามลำดับ
          กลุ่มเกษตรกร มีมูลค่าธุรกิจรวม 1.41 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ร้อยละ 1.47 โดยคิดเป็นร้อยละ 0.64 ของปริมาณธุรกิจทั้งสิ้น ธุรกิจที่มีปริมาณมากที่สุดคือ ธุรกิจการรวบรวมและแปรรูปผลิตผล 1.06 หมื่นล้านบาท รองลงมาได้แก่ ธุรกิจการให้เงินกู้ 1.62 พันล้านบาท
         
          ผลการดำเนินงานของภาคสหกรณ์ไทย ผลการดำเนินงานของภาคสหกรณ์ไทย ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 มีรายได้รวมเท่ากับ 3.25 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.31 ค่าใช้จ่ายรวมเท่ากับ 2.69 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.66 ส่งผลให้มีกำไรสุทธิจำนวน 5.53 หมื่นล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.40 จากไตรมาสที่ 2
 
           สหกรณ์ภาคการเกษตร สามารถสร้างรายได้รวมได้มากที่สุดทั้งสิ้น 2.09 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.04 จากไตรมาสที่ 2 โดยคิดเป็นร้อยละ 64.39 ของรายได้รวมทั้งสิ้น มีค่าใช้จ่ายรวม 2.04 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.07 และมีกำไรสุทธิ 4.83 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.64 จากไตรมาสที่ 2
 
          สหกรณ์นอกภาคการเกษตร สร้างรายได้รวมทั้งสิ้น 1.03 แสนล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.08 จากไตรมาสที่ 2 โดยคิดเป็นร้อยละ 31.60 ของรายได้รวมทั้งสิ้น มีค่าใช้จ่ายรวม 5.24 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.34 และกำไรสุทธิ 5.03 หมื่นล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.51 จากไตรมาสที่ 2
         
          กลุ่มเกษตรกร สร้างรายได้รวมทั้งสิ้น 1.30 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.71 จากไตรมาสที่ 2 โดยคิดเป็นร้อยละ 4.01 ของรายได้รวมทั้งสิ้น มีค่าใช้จ่ายรวม 1.29 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.65 และกำไรสุทธิ 140 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.98 จากไตรมาสที่ 2
 
          จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น ภาคสหกรณ์ไทยมีความสามารถในการบริหารจัดการได้ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 2 การดำเนินงานพบว่า รายได้ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 จำนวน 4.19 พันล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นตามมาด้วยในอัตราที่มากกว่าส่งผลให้กำไรที่ได้รับลดลงจากไตรมาสที่ 2 จำนวน 2.20 ร้อยล้านบาท ดังนั้นสหกรณ์ควรที่จะหามาตรการในการลดหรือประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นบางตัวลงเพื่อคงสภาพที่ดีของสหกรณ์ สามารถสร้างกำไรได้ เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ภาคสหกรณ์มีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
         
จำนวนคนอ่าน 6485 คน จำนวนคนโหวต 6 คน

  จำนวนคนโหวต 6 คน
โหวตคะแนนให้ข่าว/บทความนี้
1 2 3 4 5

  ระดับ 

  ให้ 1 คะแนน
0%
  ให้ 2 คะแนน
0%
  ให้ 3 คะแนน
0%
  ให้ 4 คะแนน
 
17%
  ให้ 5 คะแนน
 
83%
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel