Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 
         
           จากประโยคที่กล่าวกันมาตลอดว่า ยางพารา เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย และภูมิภาคอาเซี่ยน ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลก จากถานการณ์ที่ผ่านมาจนถึง ณ ปัจจุบัน ถือว่าไทยยังคงเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของยางพารา แต่ปัญหาที่สำคัญที่ยังไม่สามารถแก้ไขให้เบ็ดเสร็จและเด็ดขาดได้คือ "ปัญหาราคายางตกต่ำ” ที่เป็นปัญหาสำคัญและมีผลกระทบต่อปากท้องของเกษตรกรผู้ปลูกยางเป็นอย่างมาก ที่ยังไม่สามารถแก้ไขอะไรได้มากนัก ไม่ว่ารัฐบาลจะพยายามเข้ามาพยุงราคา หรือแม้แต่เมื่อต้นปีงบประมาณ ปี 2555 รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางพารามา 2 ระลอก แล้วก็ตาม แต่ราคายางในพื้นที่ยังไม่กระเตื้องขึ้น เกษตรกรยังขายยางได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รัฐบาลประกาศรับซื้อถึง 22-28 บาท/กก. (ราคาซื้อขายยางในพื้นที่อยู่ที่ 72–78 บาท/กก.)
 
           จากการเปิดเผยของ * นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาการยางพาราแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำเรื้อรังมากว่า 1 ปี เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่ให้จำกัดการส่งออกยางพารา ซึ่งส่งผลให้มูลค่าการส่งออกยางพาราของไทยลดลงกว่า 31%
            การประกาศใช้นโยบายให้มีการจำกัดการส่งออกยาง 10% เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมยางพาราของไทย โดยหากเปรียบเทียบมูลค่าการส่งออกจะพบว่า ในปี 2554 มีมูลค่าการส่งออกยางผ่านด่านศุลกากรภาคใต้ที่ 199,900 ล้านบาท ขณะที่ปี 2555 ลดลงเหลือ 136,500 ล้านบาท หรือหายไปถึง 63,300 ล้านบาท ดังนั้นในการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง รัฐบาลต้องเร่งพิจารณายุทธศาสตร์ยางพาราปี 2556-2560 ให้มีแผนการพัฒนาอย่างครบวงจร ทั้งการวางแผนระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาวไปพร้อมกันๆ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางเป็นอันดับ 1 ของโลก ได้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางยางพาราโลกต่อไป” *
           
            ล่าสุดได้มีการประชุมรัฐมนตรีไตรภาคียางพารา (International Tripartite Rubber Council : ITRC) โดยมีประเทศสมาชิก 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เข้าร่วมประชุม และมีผู้แทนจากประเทศลาว กัมพูชา และเวียดนาม เข้าสังเกตการณ์ ซึ่งในการประชุมได้นำเรื่องการกำหนดราคาขึ้นต่ำและราคาขั้นสูงของราคายางพารา และการตั้งตลาดกลางยางพาราของสามประเทศ เพื่อจะได้กำหนดราคาได้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย

            สำหรับธุรกิจยางพาราในกลุ่มสหกรณ์ถึงแม้ว่าราคายางพาราจะตกต่ำอย่างไร ในภาพรวมยังมีแนวโน้มที่ดีและมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีเห็นได้จาก ในปี 2555 ได้มีการรวบรวมผลผลิตยางพาราผ่านเครือข่ายสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร 504 แห่ง มีสมาชิกสหกรณ์ผู้ปลูกยางพาราทั้งสิ้น 1.37 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 15.64 ของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั้งประทศ มีมูลค่าการรวบรวมยางพารา 87,173.87 ล้านบาท คิดเป็นตัวเลขเฉลี่ยตกเดือนละ 7,264.49 ล้านบาท/เดือน เพิ่มขึ้นจากปี 2554 คิดเป็นร้อยละ 15.98 โดยผลผลิตยางพาราส่วนใหญ่อยู่ที่ภาคใต้ ร้อยละ 69.05 (จังหวัดสงขลามากที่สุด) ปัจจุบันมีการขยายพื้นที่การปลูกสู่ภูมิภาคอื่นๆ นอกเหนือจากภาคใต้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทางภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 
           
            สำหรับราคาการรับซื้อยางในกลุ่มสหกรณ์แยกเป็น ราคารับซื้อน้ำยางดิบ 105.26 บาท/กก. ราคายางแผ่น 117.47 บาท/กก. ราคาเศษยาง 51.82 บาท/กก. และราคายางแท่ง 95.87 บาท/กก. ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เกษตรกรได้รับมีความพอใจในระดับหนึ่ง และเป็นการช่วยเหลือแก่สมาชิกที่ปลูกยางพาราให้ได้รับราคาที่เหมาะสม 

 
การรวบรวมผลผลิตยางพารา ณ วันที่ 30 กันยายน 2555
 
           แนวโน้มในปี 2556 ถึงแม้ว่าปัญหาราคายางยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่องอยู่ แต่ความต้องการยางในท้องตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศก็ยังมีความต้องการเพิ่มขึ้น จากข้อมูลธุรกิจการรวบรวมยางพาราในกลุ่มสหกรณ์ที่ผ่านมาค่อนข้างดีต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2556 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 29.39 คิดเป็นมูลค่า 112,793.96 ล้านบาท

            อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มสหกรณ์ผู้ปลูกยางต้องติดตามข้อมูลข่าวสาร และสถานการณ์ราคายางพารา ในปี 2556 เพราะต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกมีปัญหา เนื่องจากเราต้องพึ่งพาการส่งออกยางไปยังผู้บริโภครายใหญ่ เช่น จีน ญี่ปุ่น อียู เป็นต้น ซึ่งประเทศเหล่านี้ก็มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการการแก้ไขปัญหาราคายางของรัฐบาล

            หากสถานการณ์และแนวโน้มของราคายางเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ภาคอุตสาหกรรม และภาคการเกษตร เพื่อพัฒนาความยั่งยืนของการประกอบอาชีพยางพาราแก่ผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบ ซึ่งจะกระตุ้นให้ราคายางอยู่ในระดับที่เหมาะสม และทำให้ราคายางมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น

* เตือนรัฐทบทวนแก้ราคายาง แนะวางยุทธศาสตร์3ระยะ พัฒนา‘ยางพารา’ครบวงจร จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า 13/12/55

 

ข่าว/บทความยอดนิยม ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด ข่าว/บทความล่าสุด
Learning English : ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (22/03/2550)
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปี 2555
วิกฤตเศรษฐกิจกระทบเศรษฐกิจสหกรณ์ออมทรัพย์หรือไม่ อย่างไร...
บัญชีต้นทุนประกอบอาชีพช่วยเกษตรกรเรื่องภาษีได้
ผู้สอบบัญชีสหกรณ์มีบทบาทและหน้าที่ในการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตในสหกรณ์ได้อย่างไร
ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 2549 (28/03/2550)
กฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Law)
“ขนิษฐา มะโนสมบัติ”ครูบัญชีอาสา จังหวัดเชียงรายใช้ศาสตร์พระราชานำทางชีวิต พลิกวิกฤตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
มิติทางการเงินที่มีผลต่อหนี้สินของสหกรณ์ประมงในประเทศไทย
สหกรณ์ไทย ...คืนกำไรสู่สมาชิก 80.52 %
สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ และแนวโน้ม ปี 2568
สถานการณ์การค้าข้าวไทยและการรวบรวมผลิตผลข้าวเปลือกของภาคสหกรณ์์ไทยปี 2567
สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีส่วนขาดแห่งทุน
หนี้ที่ชำระไม่ได้ตามกำหนด/NPL ภาคสหกรณ์ไทย ในไตรมาส 2/2567
สุขภาพทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์
จำนวนคนอ่าน 27284 คน จำนวนคนโหวต 114 คน

  จำนวนคนโหวต 114 คน
โหวตคะแนนให้ข่าว/บทความนี้
1 2 3 4 5

  ระดับ 

  ให้ 1 คะแนน
 
9%
  ให้ 2 คะแนน
 
4%
  ให้ 3 คะแนน
 
20%
  ให้ 4 คะแนน
 
20%
  ให้ 5 คะแนน
 
46%
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel