Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 

โดย...เพยาว์ กิมปฐม

"ชี้เศรษฐกิจสถานประกอบการธุรกิจภาคสหกรณ์ไทยในช่วงไตรมาสที่ 2/2556 เดินหน้าไปด้วยดีอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจเติบโตเพิ่มขึ้น 1.53% จากไตรมาสแรก การลงทุนขยายตัว และให้อัตราผลตอบแทนที่ดี การบริโภคของสมาชิกสหกรณ์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีสภาพคล่องทางการเงินและมีเงินหมุนเวียนในระบบ”
          สำหรับเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 2/2556 เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยล่าสุดสะท้อนว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการใช้จ่ายในประเทศ การส่งออก และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ท่ามกลางทิศทางที่แผ่วลงของผลกระตุ้นตามนโยบายของรัฐบาล และสัญญาณที่อ่อนแอกว่าที่คาดของเศรษฐกิจประเทศ คู่ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีน และยูโรโซน เริ่มชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแน่นอนกำลังซื้อก็จะลดลงไปด้วย ส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยลดลงมา ขณะที่กำลังซื้อในประเทศเองลดลงอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา หลายคนก่อหนี้จากนโยบายประชานิยมไว้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถคันแรก บ้านหลังแรก ดังนั้นการใช้จ่ายต้องระมัดระวังอย่างมาก สัญญาณที่อ่อนแอของทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อาจทำให้อัตราการขยายตัวของจีดีพีประจำไตรมาส 2/2556 ชะลอลงกว่าที่คาดไว้เดิมมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลากันปีก่อน ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.3 % เทียบกับที่ขยายตัวประมาณ 5.3% ในช่วงไตรมาสที่1/2556
          ส่วนเศรษฐกิจภาคสหกรณ์ไทยในไตรมาสที่ 2/2556 หากย้อนดูเศรษฐกิจภาคธุรกิจสหกรณ์ไทยช่วงไตรมาสที่ 2/2556 ที่ผ่านมา พบว่า เศรษฐกิจของภาคสหกรณ์ ค่อนข้างไปด้วยดี ธุรกิจดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง มีการขยายตัวปรับเพิ่มขึ้น 1.53% เมื่อเทียบกับที่ขยายตัวประมาณ 2.98% ในช่วงไตรมาสที่ 1/2556 ที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสำคัญจากอุปสงค์ด้านสินเชื่อ รวมถึงการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการฟื้นตัวของภาคการผลิต และบริการ จากข้อมูลรวบรวม (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556) ของสถานประกอบการธุรกิจภาคสหกรณ์ไทยทั่วประเทศจำนวน 11,343 แห่ง ซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด(32%) แยกเป็นสถานประกอบการกลุ่มธุรกิจในภาคเกษตร 8,279 แห่ง และสถานประกอบการกลุ่มธุรกิจนอกภาคเกษตร 3,064 แห่ง โดยมีมวลสมาชิกรวมทั้งสิ้น 12.15 ล้านคน คิดเป็น 18% ของประชากรไทยทั้งประเทศ และมีทุนดำเนินงานรวม 2 ล้านล้านบาท 
          หากมองถึงตัวเลขการลงทุนในธุรกิจสำคัญของภาคสหกรณ์ไทย 5 ธุรกิจ เพื่อให้บริการแก่สมาชิก ประกอบด้วย 1) ธุรกิจรับฝากเงิน 2) ธุรกิจให้เงินกู้ยืม(สินเชื่อ) 3) ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย 4) ธุรกิจรวบรวม/แปรรูปผลิตผล และ5) ธุรกิจการให้บริการอื่นๆ พบว่า ธุรกิจโดยรวมมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 1.53% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่1/2556 ที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.97 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 17% ของจีดีพีประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจการให้เงินกู้ยืม(สินเชื่อ) มูลค่าค่อนข้างสูงสุดถึง 62% ของมูลค่าธุรกิจรวมทั้งสิ้นของภาคสหกรณ์ไทย หากมองลึกลงไปในแต่ละธุรกิจมีรายละเอียดดังนี้
          1) ธุรกิจให้เงินกู้ยืม (สินเชื่อ) นับเป็นธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการดำเนินชีพของมวลสมาชิกใช้บริการ ค่อนข้างมากถึง 62% ของมูลค่าธุรกิจรวมทั้งหมด ธุรกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.50% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 มีมูลค่าการให้สินเชื่อรวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี หรือคิดเฉลี่ยตกเดือนละกว่า 1 แสนล้านบาทต่อเดือน แบ่งเป็นสินเชื่อนอกภาคเกษตรมีปริมาณการให้สินเชื่อสูงสุดเท่ากับ 1.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 93% ของยอดเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น โดยมีหนี้สินเฉลี่ยตกครัวเรือนละ 2.8 แสนบาทต่อครัวเรือน ขณะที่ยอดการให้สินเชื่อในภาคเกษตร มีเพียง 7.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 7% และมีหนี้สินเฉลี่ยตกครัวเรือนละ 2.2 หมื่นบาทต่อครัวเรือน
          2) ธุรกิจรับฝากเงิน เป็นธุรกิจที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.19% เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 ซึ่งมากกว่าการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อถึง 2 เท่าตัว ในรอบปีมียอดเงินรับฝากคิดเป็นมูลค่ารวม 5.5 แสนล้านบาท หรือคิดเฉลี่ยตกเดือนละ 4.5 หมื่นล้านบาทต่อเดือน แบ่งเป็นยอดเงินรับฝากนอกภาคเกษตร มีปริมาณสูงสุดเท่ากับ 4.7 แสนล้านบาท คิดเป็น 86% ของยอดเงินรับฝากทั้งสิ้น โดยมีเงินออมเฉลี่ยตกครัวเรือนละ 2.5 แสนบาทต่อครัวเรือน ส่วนภาคเกษตร มียอดเงินรับฝากเพียง 7.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 14% และมีเงินออมเฉลี่ยตกครัวเรือนละ 1.5 หมื่นบาทต่อครัวเรือน
          3) ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย เป็นธุรกิจที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงรองจากธุรกิจให้บริการ 8.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก มียอดมูลค่าการจัดหาสินค้ามาจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 8.2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเฉลี่ยตกเดือนละ 6.9 พันล้านบาทต่อเดือน โดยภาคเกษตร มียอดการจัดหาสินค้ามาจำหน่ายสูงสุดเท่ากับ 7.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 87% ของยอดเงินจัดหาสินค้ามาจำหน่ายทั้งระบบ ขณะที่นอกภาคเกษตรมีจำนวนเท่ากับ 1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 13%
          4) ธุรกิจรวบรวม/แปรรูปผลิตผล เนื่องจากเป็นผลพวงนโยบายโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ส่งผลให้ ธุรกิจด้านนี้มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง 8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 มีมูลค่าการรวบรวม/แปรรูปทั้งสิ้น 1.2 แสนล้านบาท หรือคิดเฉลี่ยตกเดือนละ 1.1 หมื่นล้านบาทต่อเดือน โดยในภาคเกษตรมีปริมาณการรวบรวม/แปรรูปผลิตผลสูงสุดเท่ากับ 1.1 แสนล้านบาท คิดเป็น 98% ของจำนวนเงินรวบรวม/แปรรูปทั้งระบบ และนอกภาคเกษตรมีจำนวนเท่ากับ 2.8 พันล้านบาท คิดเป็น 2% 
          5) ธุรกิจการให้บริการและส่งเสริมการเกษตร เป็นธุรกิจที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด 10% เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.8 พันล้านบาท หรือคิดเฉลี่ยตกเดือนละ 157 ล้านบาท โดยนอกภาคเกษตรมีปริมาณการให้บริการสูงสุดเท่ากับ 1.2 พันล้านบาท คิดเป็น 66% ของจำนวนเงินให้บริการทั้งระบบ ขณะที่ในภาคเกษตรมีจำนวนเท่ากับ 645 ล้านบาท คิดเป็น 34%
          ด้านผลประกอบการ ธุรกิจภาคสหกรณ์ไทยช่วงไตรมาสที่ 2/2556 โดยภาพรวมดำเนินธุรกิจมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีในอัตราที่เพิ่มขึ้น และมีกำไรทุกกลุ่มทั้งในภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร จึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก กำไรโดยรวมมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.45% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก โดยมียอดกำไรรวมทั้งสิ้น 62,382 ล้านบาท ธุรกิจประเภทสหกรณ์ออมทรัพย์ทำกำไรได้สูงสุด 54,708.74 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.70 ของกำไรสุทธิรวมทั้งระบบ (เกษตร 4,870 ลบ., ประมง 28ลบ., นิคม 238 ลบ., ร้านค้า 224 ลบ., บริการ 498 ลบ., เครดิตยูเนี่ยน 1,644 ลบ., กลุ่มเกษตรกร 172 ลบ.) มีรายได้รวมทั้งสิ้นเท่ากับ 3.4 แสนล้านบาท ปรับลดลงเล็กน้อย 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่1/2556 ของปีที่ผ่านมา ขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวมเท่ากับ 2.7 แสนล้านบาท โดยคิดเป็นร้อยละ 81.72 ของรายได้รวมทั้งสิ้น ซึ่งปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันแต่มากกว่ารายได้ 0.74% โดยมีหนี้สินเฉลี่ยตกครัวเรือนละ 1.2 แสนบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกเพียงเล็กน้อย 0.02% ขณะที่มีเงินออมเฉลี่ยตกครัวเรือนละ 1 แสนบาทต่อครัวเรือน ซึ่งปรับลดลงเพียงเล็กน้อยจากไตรมาสแรกเช่นกันที่ 0.2% 
          บทส่งท้ายจากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น สะท้อนภาพเศรษฐกิจภาคสหกรณ์ไทยเมื่อสิ้นสุดไตรมาส 2/2556 ว่ามีความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจได้ค่อนข้างดีระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่แผ่วชะลอตัวลงก็ตาม ภาคธุรกิจสหกรณ์กลับมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกือบทุกธุรกิจที่ลงทุน และดำเนินธุรกิจประสบผลสำเร็จมีกำไรทุกกลุ่ม เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่าธุรกิจภาคสหกรณ์ยังคงได้รับการตอบรับจากสมาชิกและบุคคลทั่วไปเป็นอย่างดี และนับเป็นสถานประกอบการหรือแหล่งที่เปิดโอกาสให้กับประชาชนฐานรากเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งในการเข้าถึงเงินทุน เพื่อการขยายโอกาสในการประกอบอาชีพสร้างรายได้ อันจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้ในระดับหนึ่ง และประเด็นที่สำคัญสหกรณ์ต้องไม่ละทิ้งหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการสหกรณ์ และที่สำคัญต้องสร้างความเชื่อมั่น ให้กับสมาชิกและผู้ที่เกี่ยวข้องโดยการนำหลัก "ธรรมาภิบาล” และหลัก "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” มาปรับใช้ในการดำเนินกิจการของสหกรณ์ เพื่อให้สหกรณ์เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
          สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจภาคสหกรณ์ไทยในไตรมาสที่ 3/2556 คาดการณ์ว่า ธุรกิจภาคสหกรณ์ไทยจะยังคงเดินหน้าเติบโตไปด้วยดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 เช่นกัน โดยมูลค่าธุรกิจน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2-3%         
ข่าว/บทความยอดนิยม ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด ข่าว/บทความล่าสุด
Learning English : ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (22/03/2550)
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปี 2555
วิกฤตเศรษฐกิจกระทบเศรษฐกิจสหกรณ์ออมทรัพย์หรือไม่ อย่างไร...
บัญชีต้นทุนประกอบอาชีพช่วยเกษตรกรเรื่องภาษีได้
ผู้สอบบัญชีสหกรณ์มีบทบาทและหน้าที่ในการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตในสหกรณ์ได้อย่างไร
ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 2549 (28/03/2550)
กฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Law)
“ขนิษฐา มะโนสมบัติ”ครูบัญชีอาสา จังหวัดเชียงรายใช้ศาสตร์พระราชานำทางชีวิต พลิกวิกฤตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
มิติทางการเงินที่มีผลต่อหนี้สินของสหกรณ์ประมงในประเทศไทย
สหกรณ์ไทย ...คืนกำไรสู่สมาชิก 80.52 %
สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ และแนวโน้ม ปี 2568
สถานการณ์การค้าข้าวไทยและการรวบรวมผลิตผลข้าวเปลือกของภาคสหกรณ์์ไทยปี 2567
สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีส่วนขาดแห่งทุน
หนี้ที่ชำระไม่ได้ตามกำหนด/NPL ภาคสหกรณ์ไทย ในไตรมาส 2/2567
สุขภาพทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์
จำนวนคนอ่าน 7814 คน จำนวนคนโหวต 7 คน

  จำนวนคนโหวต 7 คน
โหวตคะแนนให้ข่าว/บทความนี้
1 2 3 4 5

  ระดับ 

  ให้ 1 คะแนน
0%
  ให้ 2 คะแนน
0%
  ให้ 3 คะแนน
0%
  ให้ 4 คะแนน
 
43%
  ให้ 5 คะแนน
 
57%
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel