Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 
โดยเพยาว์ กิมปฐม
 
ตัวเลขหนี้ครัวเรือนภาคสหกรณ์ไทย
เพิ่มขึ้นหรือลดลงเทียบจากปีที่แล้ว....ทิศทางแนวโน้มปีหน้าจะเป็นอย่างไร

 
           ในช่วงที่ผ่านมา เราคงจะได้ยินประเด็นเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
ที่ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อเรื่องดังกล่าวมากันพอสมควร รวมถึงความเห็นต่างระหว่างกระทรวงการคลังกับแบงก์ชาติสำหรับเรื่องหนี้ครัวเรือน ฝั่งแบงก์ชาติถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เตือนทั้งรัฐบาลและประชาชนให้ใช้จ่ายอย่างมีสติ
แต่ในฝั่งกระทรวงการคลังกลับเห็นว่าน่าเป็นห่วงน้อยกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการใช้จ่าย แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ 5 ปีที่ผ่านมาหนี้ครัวเรือนเพิ่มจาก 50% เป็น 80% ของ จีดีพี หรือ 8 ล้านล้านบาท จาก 10 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่
มาจากสินเชื่อบ้าน อุปโภคบริโภค และรถยนต์คันแรก หากดูตัวเลขหนี้ครัวเรือนจาก 2 หน่วยงาน พบว่า ตัวเลข
แตกต่างกันมาก โดยของสำนักงานสถิติแห่งชาติอยู่ที่ 134,900 บาท หรือมีสัดส่วน 25.6% ต่อจีดีพี ส่วนของ ธปท. อยู่ที่ 539,588 บาท มีสัดส่วน 77.5% ต่อจีดีพี ซึ่งการสำรวจของทั้ง 2 หน่วยงานได้รับการยอมรับว่าเป็นการสำรวจ
ในระดับสากล แต่ถ้าหักสินเชื่อบุคคล ธรรมดาที่ประกอบอาชีพทั่วไปจากการคำนวณจะทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือน
ของ ธปท. จะเหลือเพียง 64% เท่านั้น สำหรับสถานะหนี้ครัวเรือนของภาคสหกรณ์ไทย จากข้อมูลสำรวจของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ปัจจุบันสหกรณ์ทุกประเภทมีจำนวนทั้งสิ้น 8,146 แห่ง (30 มิย. 56) อยู่ในเขตพื้นที่ภาคกลางมากที่สุด มีสมาชิกสหกรณ์รวมทั้งประเทศ 11.5 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 17.91 ของประชากรไทยทั่วประเทศ (ประมาณ 64.2 ล้านคน) แยกเป็นในภาคเกษตร 6,646,858 คน(58%) และนอกภาคเกษตร 4,872,283 คน(42%)
มีทุนดำเนินงานรวมกัน 2 ล้านล้านบาท (ในภาคเกษตร 1.9 แสนล้านบาท/นอกภาคเกษตร 1.8 ล้านล้านบาท)
ปี 2555 พบว่ามีหนี้ครัวเรือน 1.13 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.96 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)
ปรับตัวลดลง 0.15% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว แยกเป็นหนี้ครัวเรือนในภาคเกษตร 6.96 หมื่นล้านบาท และหนี้ครัวเรือนนอกภาคเกษตร 1.06 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนภาคสหกรณ์ไทยระหว่างปี พ.ศ.2511-2555 
         
           ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนหนี้ครัวเรือนภาคสหกรณ์เพิ่มขึ้นจากเดิม 7.64% ของ จีดีพี เป็น 9.96% ของ
จีดีพี หรือ 1.13 ล้านล้านบาท จากมูลค่าจีดีพี 11.4 ล้านล้านบาท โดยมาจากการใช้จ่ายในครัวเรือน อุปโภคบริโภค (50%) ที่อยู่อาศัย/ยานพาหนะ (23%) ชำระหนี้สินเดิม(22%) และลงทุนประกอบอาชีพ(5%) ซึ่งมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี จาก 6.94 แสนล้านบาทในปี 2551 เพิ่มเป็น 1.13 ล้านล้านบาทในปี 2555 คิดเป็นตัวเลขเฉลี่ยแล้วสหกรณ์ในภาคเกษตรจะมีหนี้เฉลี่ยตกครัวเรือนละ 15,476.44 บาท และสหกรณ์
           นอกภาคเกษตรหนี้เฉลี่ยตกครัวเรือนละ 213,750.68 บาท ส่วนหนึ่งน่าที่จะสะท้อนถึงการที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบสหกรณ์ได้สะดวกขึ้นกว่าในอดีต ทำให้เป็นไปได้ว่า สัดส่วนของการพึ่งพิงเงินกู้นอกระบบอาจจะลดลงในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งหากยืนยันได้จริงตามข้อมูลสำรวจ ก็น่าจะถือได้ว่า มีการพัฒนาระบบการเงินและเศรษฐกิจไทยได้ส่วนหนึ่ง
          อย่างไรก็ตาม เพียงครึ่งแรกปี 2556 ช่วงไตรมาส 2/2556 พบว่า ภาคสหกรณ์มีหนี้ครัวเรือนเพิ่มเป็น 1.21 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.91 เมื่อเทียบจากปี 2555 โดยในภาคการเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.90 สูงกว่านอกภาคเกษตรมีอัตราขยายเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 6.58

           หากพิจารณาอัตราการขยายตัวของหนี้ครัวเรือน ซึ่งมีค่าเฉลี่ยในช่วงระหว่างปี2551-2555 ประมาณร้อยละ 12.82 ต่อปี นั้น จะพบว่า ค่าเฉลี่ยหนี้ครัวเรือนสหกรณ์ในภาคการเกษตรประมาณร้อยละ 12.20 ต่อปี ส่วนหนี้ครัวเรือนสหกรณ์นอกภาคการเกษตรประมาณร้อยละ 12.86 ต่อปี ส่วนใหญ่มีอัตราการขยายตัวที่ไม่ต่างกันมากนัก คืออยู่ในกรอบประมาณร้อยละ 12.10-14.25 โดยอาจจะมีกลุ่มสหกรณ์ประมง สหกรณ์ร้านค้า และสหกรณ์บริการที่มีอัตราการขยายตัวสูงกว่าผู้ปล่อยสินเชื่อสหกรณ์ประเภทอื่นขึ้นอยู่กับปัจจัยผลกระทบต่อการขยายตัวของหนี้ครัวเรือน

 

 

 

          สำหรับแนวโน้มข้างหน้า มองว่า หนี้ครัวเรือนภาคสหกรณ์ไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5-6 % โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนภาคสหกรณ์ไทยต่อจีดีพีของไทย อาจจะยังคงขยับขึ้นไปอีกในช่วงหนึ่งถึงสองปีข้างหน้านี้ แต่คงจะไม่เพิ่มในอัตราที่เร็วมากนัก นอกจากนี้ ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ สัดส่วนภาระรายจ่ายในการชำระหนี้ต่อรายได้ของครัวเรือน คงจะเป็นผลจากหลายปัจจัยทั้ง ราคาพืชผล น้ำมัน ค่าครองชีพที่สูงขึ้น มีหลายด้านหลายมุมทั้งในแง่บวกและแง่ที่ควรเฝ้าติดตามสถานการณ์กันต่อไป ทุกฝ่ายต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น อย่าก่อหนี้สูงเกินตัว และรู้จักเก็บออม เพื่อป้องกันปัญหาก่อนเกิดวิกฤติ
 
          "สำหรับคราวหน้าครั้งต่อไปจะพบกับตัวเลขเงินออมของครัวเรือนภาคสหกรณ์ไทยที่น่าสนใจ”
ข่าว/บทความยอดนิยม ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด ข่าว/บทความล่าสุด
Learning English : ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (22/03/2550)
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปี 2555
วิกฤตเศรษฐกิจกระทบเศรษฐกิจสหกรณ์ออมทรัพย์หรือไม่ อย่างไร...
บัญชีต้นทุนประกอบอาชีพช่วยเกษตรกรเรื่องภาษีได้
ผู้สอบบัญชีสหกรณ์มีบทบาทและหน้าที่ในการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตในสหกรณ์ได้อย่างไร
ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 2549 (28/03/2550)
กฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Law)
“ขนิษฐา มะโนสมบัติ”ครูบัญชีอาสา จังหวัดเชียงรายใช้ศาสตร์พระราชานำทางชีวิต พลิกวิกฤตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
มิติทางการเงินที่มีผลต่อหนี้สินของสหกรณ์ประมงในประเทศไทย
สหกรณ์ไทย ...คืนกำไรสู่สมาชิก 80.52 %
สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ และแนวโน้ม ปี 2568
สถานการณ์การค้าข้าวไทยและการรวบรวมผลิตผลข้าวเปลือกของภาคสหกรณ์์ไทยปี 2567
สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีส่วนขาดแห่งทุน
หนี้ที่ชำระไม่ได้ตามกำหนด/NPL ภาคสหกรณ์ไทย ในไตรมาส 2/2567
สุขภาพทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์
จำนวนคนอ่าน 11164 คน จำนวนคนโหวต 11 คน

  จำนวนคนโหวต 11 คน
โหวตคะแนนให้ข่าว/บทความนี้
1 2 3 4 5

  ระดับ 

  ให้ 1 คะแนน
 
9%
  ให้ 2 คะแนน
0%
  ให้ 3 คะแนน
 
9%
  ให้ 4 คะแนน
 
9%
  ให้ 5 คะแนน
 
73%
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel