Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 

โดย นางสาวนิภาภรณ์ ไสยวงศ์

          ในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา สหกรณ์บริการบางรูปแบบได้มีการปรับตัวทางธุรกิจและบริการในลักษณะอื่นๆ นอกเหนือจากรูปแบบ รถโดยสาร อุตสาหกรรมในครัวเรือน สาธารณูปโภค เคหสถานและบริการชุมชน โดยดำเนินธุรกิจด้านบริการสาธารณูปโภค ด้านการรักษาความปลอดภัย การให้เงินกู้ การบริการให้เช่าสถานที่ อุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ บริการซ่อมบำรุงสาธารณูปโภคและบริการด้านอื่น ๆ อาทิโครงการบ้านมั่นคง โดยผู้ที่เดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยเกิดการรวมตัวกัน สหกรณ์จึงมีรายได้จากธุรกิจบริการจากการเก็บค่าบริการส่วนกลาง ค่าเช่าสถานที่ สระว่ายน้ำ สนามกีฬา ค่าผ่านทาง เช่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ค่าบริการน้ำ ทำความสะอาด งานเกษตร บริการด้านการออกกำลังกาย งานซ่อมบำรุง การจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ค่าสติ๊กเกอร์เข้าหมู่บ้าน เพื่อให้บริการชุมชน ซึ่งหากสหกรณ์ไม่สามารถดำเนินธุรกิจตามรูปแบบของสหกรณ์บริการชุมชน เช่น การบริหารและจัดการทรัพย์สินส่วนกลางของ หมู่บ้าน การรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน การรักษาความสะอาดของหมู่บ้าน และการจัดการดูแลระบบสาธารณูปโภคของหมู่บ้านจะก่อให้เกิดปัญหาต่อสหกรณ์ ในอนาคตได้ นอกจากนี้ จากการที่บางสหกรณ์บริการที่ดำเนินธุรกิจอู่รถแท็กซี่ให้เช่ามีการซื้อรถยนต์คันใหม่และขายคันเก่าให้ผู้เช่าเพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนมีรถแท็กซี่ให้เช่าเพิ่มสูงขึ้นกับบางจังหวัดใหญ่ๆหลายจังหวัดจนทำให้ฐานตลาดผู้เช่าของสหกรณ์บริการเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลุ่มผู้ขับแท็กซี่ซึ่งถือว่าเป็นสมาชิกสมทบรูปแบบหนึ่งร่วมทำธุรกิจกับสมาชิกสหกรณ์บริการซึ่งในอนาคตหากสมาชิกสมทบมีจำนวนสูงมากเกินไปก็อาจจะเป็นปัญหาเกิดขึ้นได้ในอนาคต จนพบว่าขนาดของสหกรณ์มีการปรับขนาดโตขึ้นรวดเร็ว โดยดูจากแนวโน้มข้อมูลระหว่างปี 2547 – 2556 เงินทุนหรือทุนดำเนินงาน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่น่าสังเกตว่าในปี 2556 ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันจำนวนสหกรณ์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยตลอด เป็นดังต่อไปนี้

 

          ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการดำเนินธุรกิจแต่ละประเภทของสหกรณ์บริการมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะส่งผลต่อปัจจัยทางการเงินในรูปของผลการดำเนินงานและฐานะการเงินสหกรณ์บริการ ซึ่งถ้าหากสหกรณ์ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ก็จะส่งผลให้สหกรณ์บริการเติบโตที่ดีควบคู่ไปกับความมั่นคงทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ สมาชิกก็จะมีความกินดีอยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไปด้วยกันทั้งระบบ การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อระดับเงินทุนของสหกรณ์บริการในปี 2556 จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อการนำข้อมูลไปใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการประกอบการตัดสินใจ เพื่อที่จะพัฒนาและปรับปรุงให้กับการดำเนินงานของสหกรณ์บริการ เพื่อให้กิจการสามารถดำรงอยู่ได้โดยเกิดการดำเนินการที่ยั่งยืน ตลอดจนนำไปปรับปรุงและวางแผนพัฒนาสหกรณ์บริการให้มีคุณภาพเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่จำเป็นของสมาชิกให้ได้มากขึ้น โดยมีปัจจัยหลัก 2 ด้านประกอบด้วย

                 ปัจจัยด้านคุณลักษณะของสหกรณ์ ได้แก่ ประเภทย่อยสหกรณ์(Type), สถานภาพ(Status), จังหวัด(Province) และภาค(Region)
                    ปัจจัยด้านการเงิน ได้แก่ จำนวนสมาชิก สินทรัพย์ทั้งสิ้น, หนี้สินทั้งสิ้น, ทุนของสหกรณ์, มูลค่าธุรกิจ, รายได้ทั้งสิ้น และค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น

          สหกรณ์บริการ(Service Cooperative) หมายถึง สหกรณ์ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2511 โดยมีประชาชนจำนวนไม่น้อยกว่า 10 คนขึ้นไป ที่มีอาชีพอย่างเดียวกันหรือที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องเดียวกัน รวมตัวกันโดยยึดหลักการประหยัด การช่วยตนเอง และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งการส่งเสริมอาชีพเพื่อให้เกิดความมั่นคงและรักษาอาชีพดั้งเดิมที่ดีให้คงอยู่ต่อไป อาทิ สหกรณ์อุตสาหกรรมในครัวเรือน ตั้งขึ้นในหมู่ประชาชนผู้ประกอบอาชีพหัตถกรรมในครัวเรือนเพื่อแก้ปัญหา ด้านต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ไม้ หัตถกรรมอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีสหกรณ์รถยนต์โดยสาร รถยนต์แท็กซี่ รถยนต์สามล้อ รถยนต์สี่ล้อเล็ก การเคหสถาน การบริการชุมชน การบริการไฟฟ้าพลังน้ำ การบริการน้ำบาดาล การบริการน้ำประปา การบริการรูปอื่น ๆ สหกรณ์บริการแห่งแรกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2484 คือ สหกรณ์ผู้ทำร่มบ่อสร้างจำกัดสินใช้ อยู่ที่ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังจากนั้นสหกรณ์บริการก็ได้มี การจัดตั้งเพิ่มขึ้นตลอดมา
         
  

          การดำเนินการทดสอบ โดยรวบรวมข้อมูล คือสหกรณ์บริการในรอบปีบัญชี 2556 จำนวน 956 สหกรณ์ ของ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS for Window ในการค้นหาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อระดับเงินทุนของสหกรณ์บริการ ด้วยวิธีการ 3 วิธี ดังนี้ 1) การทดสอบไคสแควร์ (Chi-Square Test) เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลในรูปความถี่ เช่น ประเภทย่อยของสหกรณ์, สถานภาพของสหกรณ์, จังหวัด และภาค ในลักษณะการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร (Test of Association) ซึ่งมีสูตร เป็นดังนี้

r = ความถี่แถว, c = ความถี่คอลัมน์
          
           2) สถิติวิเคราะห์ถดถอยเชิงซ้อน (Multiple Regression) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 โดยในการเลือกการวิเคราะห์การถดถอยเชิงซ้อนเพื่อทดสอบว่าตัวแปรอิสระ ได้แก่ จำนวนสมาชิก และปัจจัยด้านการเงินทุกตัว มีความสัมพันธ์กับระดับเงินทุนของสหกรณ์บริการสูงเพียงใด โดยที่สมการความถดถอยเชิงซ้อนเป็น
 
          ภายใต้สมมติฐานดังนี้
  ความคลาดเคลื่อน e เป็นตัวแปรที่มีการแจกแจงแบบปกติ
  ค่าเฉลี่ยของความคลาดเคลื่อนเป็นศูนย์ นั่นคือ E(e) = 0
  ค่าแปรปรวนของความคลาดเคลื่อนเป็นค่าคงที่ที่ไม่ทราบค่า V(e) = Oe2
  ei และ ej เป็นอิสระต่อกัน; i = j นั่นคือ covariance(ei , ej ) = 0
          3) การแบ่งระดับช่วงชั้นแบบควอไทล์ (Quartile) โดยการใช้ค่ามัธยฐานแบ่งข้อมูลสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั้งหมดที่รวบรวมได้ แล้วแบ่งออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆกันโดยเรียงลำดับข้อมูลจากน้อยไปมากแล้วแบ่งข้อมูลออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนละ 25 % หรือ ¼ ของข้อมูลทั้งหมด(n/4) จากนั้นนำมาวิเคราะห์เฉพาะสหกรณ์บริการ
 

ผลการทดสอบ

          ผลการทดสอบไคสแควร์ เพื่อหาความสัมพันธ์ด้านคุณลักษณะของสหกรณ์ต่อเงินทุนของสหกรณ์บริการโดยพิจารณาที่ระดับความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 99 หรือ P-Value (Asymp. Sig.)น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.01* พบว่า ประเภทย่อยสหกรณ์, สถานภาพ, จังหวัด, และ ภาค มีความสัมพันธ์กับระดับเงินทุน

  

          สำหรับผลการทดสอบความสัมพันธ์เชิงเส้น(Multiple Linear Regression)ระหว่างตัวแปรด้านการเงินกับเงินทุนของสหกรณ์พบว่ามีความสัมพันธ์ค่อนข้างน้อยมาก

  

          โดยจำนวนสมาชิกมีระดับความสัมพันธ์ (R) = 0.167 สินทรัพย์มีระดับความสัมพันธ์ (R) = 0.148 หนี้สินมีระดับความสัมพันธ์ (R) = 0.133 ทุนของสหกรณ์มีระดับความสัมพันธ์ (R) = 0.168 มูลค่าธุรกิจมีระดับความสัมพันธ์ (R) = 0.136 รายได้ทั้งสิ้นมีระดับความสัมพันธ์ (R) = 0.122 ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นมีระดับความสัมพันธ์ (R) = 0.106 Hussey, J., and Hussey, R.(1997). กล่าวว่าการแบ่งช่วงของระดับความสัมพันธ์เป็นดังนี้

 
   R = 0.90 to 0.99 (ระดับความสัมพันธ์สูงมาก) 
   R = 0.70 to 0.89 (ระดับความสัมพันธ์สูง)
   R = 0.40 to 0.69 (ระดับความสัมพันธ์ปานกลาง)
   R = 0.0 to 0.39 (ระดับความสัมพันธ์เชิงบวกต่ำ) 
   R = 0.0 to -0.39 (ระดับความสัมพันธ์เชิงลบต่ำ)
          จากตาราง เมื่อพิจารณาตัวแปรหลักและตัวแปรรองทั้งหมด อธิบายได้ว่า จำนวนสมาชิก, สินทรัพย์ทั้งสิ้น, สินทรัพย์หมุนเวียนทั้งสิ้น, เงินลงทุนระยะยาว, ลูกหนี้ระยะยาวสุทธิ, สินทรัพย์อื่นๆ, หนี้สินทั้งสิ้น, หนี้สินหมุนเวียนทั้งสิ้น, หนี้สินระยะยาว, หนี้สินอื่นๆ, ทุนของสหกรณ์, ทุนเรือนหุ้น, ทุนเรือนหุ้นที่ชำระเต็มมูลค่า, ทุนสำรอง, ทุนสะสมตามระเบียบข้อบังคับและอื่นๆ, กำไรสุทธิรอการจัดสรร, กำไรขาดทุนสุทธิประจำปี, ให้กู้ระหว่างปี, จัดหาสินค้ามาจำหน่ายเพิ่มระหว่างปี ,ให้บริการเพิ่มระหว่างปี, รายได้ทั้งสิ้น และค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น มีความสัมพันธ์ต่อการปรับเปลี่ยนระดับเงินทุนในระดับค่อนข้างต่ำ ขณะที่ ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์, สินทรัพย์ไม่มีตัวตน ทุนเรือนหุ้นที่ชำระไม่เต็มมูลค่า กำไร(ขาดทุน)จากเงินลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ ขาดทุนสะสม การรับฝากเพิ่มระหว่างปี รวบรวมผลิตผล และแปรรูป ไม่มีความสัมพันธ์ต่อการปรับเปลี่ยนระดับเงินทุนเลย ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์มีการขยายโครงการชุดที่เพิ่มมากขึ้นก็จริงแต่เป็นลักษณะการผ่อนกับสหกรณ์ที่กินระยะเวลาที่นาน(15 ปี) กับสหกรณ์, ธุรกิจรวบรวมผลผลิตของสหกรณ์บริการมีกำไรสุทธิน้อยเกินไป และธุรกิจแปรรูปที่ยังมีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นของสหกรณ์บริการ
 
สรุปผล
         
          การทดสอบปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการเปลี่ยนแปลงระดับเงินทุนของสหกรณ์บริการ ปี 2556 พบว่า มีระดับเงินทุนหรือทุนดำเนินงานในช่วงควอไทล์ที่ 1 หรือระดับต่ำ 0.00-0.28 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 3,431.90 ล้านบาท ทุนดำเนินงานในช่วงควอไทล์ที่ 2 หรือระดับกลาง 0.29-1.05 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 3,936.95 ล้านบาท ทุนดำเนินงานในช่วงควอไทล์ที่ 3 หรือระดับสูง 1.06-13.71 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 6,523.18 ล้านบาท ทุนดำเนินงานในช่วงควอไทล์ที่ 4 หรือระดับสูงมาก 13.72 ล้านบาท ขึ้นไป คิดเป็นจำนวน 6,432.13 ล้านบาท ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อด้านคุณลักษณะของสหกรณ์ มี 4 ตัวแปรคือ 1)
 
            ปัจจัยประเภทย่อยสหกรณ์ ซึ่งแสดงว่า หากบางสหกรณ์บริการมีการปรับขยายธุรกิจด้วยการเพิ่มความหลากหลายในจำนวนประเภทย่อยให้มากขึ้นก็มีโอกาสให้ระดับเงินทุนเพิ่มสูงขึ้นตามได้ 2) ปัจจัยสถานภาพ ซึ่งแสดงว่าหากบางสหกรณ์บริการมีการปรับขยายธุรกิจด้วยการเพิ่มสหกรณ์บริการในบางสถานภาพที่มากขึ้นโดยเฉพาะสถานภาพดำเนินธุรกิจ ก็มีโอกาสให้ระดับเงินทุนของสหกรณ์เพิ่มสูงขึ้นตาม 3) ปัจจัยจังหวัด ซึ่งแสดงว่า หากสหกรณ์บริการมีการขยับขยายโดยปรับตัวโดยเพิ่มสหกรณ์บริการในบางจังหวัดให้มากขึ้นก็มีโอกาสให้ระดับเงินทุนของสหกรณ์เพิ่มสูงขึ้นตาม 4) ปัจจัยภาค ซึ่งแสดงว่า หากสหกรณ์บริการมีการขยับขยายโดยปรับตัวโดยเพิ่มสหกรณ์บริการในบางภาคให้มากขึ้นก็มีโอกาสให้ระดับเงินทุนของสหกรณ์เพิ่มสูงขึ้นตาม
 
         
            ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อด้านการเงิน มี 7 ตัวแปรคือ 1) ปัจจัยสมาชิก ซึ่งแสดงว่า หากบางสหกรณ์บริการมีการปรับจำนวนสมาชิกด้วยการเพิ่มสมาชิกที่สมบูรณ์ให้มากขึ้นก็มีโอกาสให้ระดับเงินทุนของสหกรณ์บริการเพิ่มสูงขึ้นตาม 2) ปัจจัยสินทรัพย์ทั้งสิ้น อันประกอบด้วย สินทรัพย์หมุนเวียนทั้งสิ้น, เงินลงทุนระยะยาว, ลูกหนี้ระยะยาวสุทธิ และสินทรัพย์อื่นๆ หากสหกรณ์บริการมีการขยับขยายโดยปรับเพิ่มสินทรัพย์หมุนเวียนทั้งสิ้น, เงินลงทุนระยะยาว, ลูกหนี้ระยะยาวสุทธิ และสินทรัพย์อื่นๆ มากขึ้นก็มีโอกาสให้ระดับเงินทุนของสหกรณ์เพิ่มสูงขึ้นตาม 3) ปัจจัยหนี้สินทั้งสิ้น อันประกอบด้วย หนี้สินหมุนเวียนทั้งสิ้น, หนี้สินระยะยาว และหนี้สินอื่นๆ หากสหกรณ์บริการมีการขยับขยายโดยปรับเพิ่มหนี้สินหมุนเวียนทั้งสิ้น หนี้สินระยะยาว และหนี้สินอื่นๆ มากขึ้นก็มีโอกาสให้ระดับเงินทุนของสหกรณ์บริการเพิ่มสูงขึ้นตาม 4) ปัจจัยทุนของสหกรณ์ อันประกอบด้วย ทุนเรือนหุ้น, ทุนเรือนหุ้นที่ชำระเต็มมูลค่า, ทุนสำรอง, ทุนสะสมตามระเบียบข้อบังคับและอื่นๆ, กำไรสุทธิรอการจัดสรร, และกำไร(ขาดทุน)สุทธิประจำปี หากสหกรณ์บริการมีการขยับขยายโดยปรับเพิ่มทุนเรือนหุ้น, ทุนเรือนหุ้นที่ชำระเต็มมูลค่า, ทุนสำรอง, ทุนสะสมตามระเบียบข้อบังคับและอื่นๆ, กำไรสุทธิรอการจัดสรร และกำไรขาดทุนสุทธิประจำปี มากขึ้นก็มีโอกาสให้ระดับเงินทุนของสหกรณ์บริการเพิ่มสูงขึ้นตาม 5) ปัจจัยมูลค่าธุรกิจ อันประกอบด้วย ให้กู้ระหว่างปี, จัดหาสินค้ามาจำหน่ายเพิ่มระหว่างปี และให้บริการเพิ่มระหว่างปี หากสหกรณ์บริการมีการขยับขยายโดยปรับเพิ่มให้กู้ระหว่างปี, จัดหาสินค้ามาจำหน่ายเพิ่มระหว่างปี, และให้บริการเพิ่มระหว่างปี มากขึ้นก็มีโอกาสให้ระดับเงินทุนของสหกรณ์บริการเพิ่มสูงขึ้นตาม 6) ปัจจัยรายได้ทั้งสิ้น หากสหกรณ์บริการมีการขยับขยายโดยปรับเพิ่มรายได้ธุรกิจหลัก, รายได้เฉพาะธุรกิจ และรายได้อื่น มากขึ้นก็มีโอกาสให้ระดับเงินทุนของสหกรณ์เพิ่มสูงขึ้นตาม 7) ปัจจัยค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น หากสหกรณ์บริการมีการขยับขยายโดยปรับเพิ่มต้นทุนธุรกิจหลัก, ค่าใช้จ่ายเฉพาะธุรกิจ และค่าใช้จ่ายดำเนินงาน มากขึ้นก็มีโอกาสให้ระดับเงินทุนของสหกรณ์บริการเพิ่มสูงขึ้นตาม
 
               หากพิจารณา อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) ที่โดยรวมของสหกรณ์บริการเพื่อนำไปใช้ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากของแต่ละสหกรณ์บริการ พบว่า ไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 2.38 บาทต่อปี รายละเอียดดังนี้
  
 
  กราฟเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนระหว่างทุนของสหกรณ์กับสินทรัพย์โดยการแบ่งตามระดับขนาดและควอไทล์
       

ข้อเสนอแนะ

           1. ภาครัฐควรส่งเสริมระบบตลาดประสมให้กับสหกรณ์บริการประเภทเดินรถยนต์แท็กซี่ให้เช่าให้มีครอบคลุมกับทุกจังหวัดโดยเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นและต่างแดนได้อย่างหลากหลาย
          2. ภาครัฐควรส่งเสริมบางสหกรณ์บริการเป็นสหกรณ์เอนกประสงค์ โดยให้มีธุรกิจที่หลากหลายด้านเช่น บริการทางการแพทย์ (Medical and Dental Care) บริการนวดแผนไทย(Massage Service) บริการเสริมสวย(Beauty Salon) และ บริการร้านอาหารราคาถูก(Food Shop) เป็นต้น
          3. สหกรณ์บริการควรส่งเสริมให้ผู้เช่ารถหรือสมาชิกสมทบของสหกรณ์หันมาเป็นสมาชิกสมบูรณ์ เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของสมาชิกโดยแท้จริง เพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการประกอบธุรกิจหลักของสมาชิกของสหกรณ์ โดยเฉพาะสหกรณ์บริการเดินรถ พร้อมทั้งปรับปรุงและแก้ไขกฎระเบียบของสหกรณ์ให้เหมาะสม หากธุรกิจภายนอกต้องการจะปรับทางออกของธุรกิจผ่านระบบสหกรณ์ อาทิ จากธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์เป็นธุรกิจอู่รถยนต์แท็กซี่ให้เช่า และจากธุรกิจสร้างบ้านหรือคอนโดเพียงอย่างเดียวเป็นบ้านตามชานเมืองและอาคารชุดที่มีนิติบุคคลในบริเวณเมืองเพื่อจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          4.สหกรณ์บริการบางสหกรณ์ที่มีศักยภาพควรปรับการดำเนินธุรกิจให้อยู่ในรูปแบบ E-Business CRM (Customer Relationship Management) หรือเรียกว่า การบริหารสมาชิกสัมพันธ์ โดยการสร้างความสัมพันธ์กับสมาชิก ผ่านระบบ Internet บนโปรแกรม LINE บน Smart Phone เพื่อสร้างความพอใจให้แก่สมาชิกและผู้เช่า อันจะนำไปสู่ความจงรักภักดีในที่สุด เพราะเป้าหมายของ CRMนั้นไม่ได้เน้นเพียงแค่การบริการสมาชิกและผู้เช่า เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเก็บข้อมูลพฤติกรรมในการใช้จ่ายและความต้องการของสมาชิกและผู้เช่า จากนั้นจะนำข้อมูลเหล่านั้นมา วิเคราะห์และใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือการบริการรวมไปถึงนโยบายในด้านการจัดการ ซึ่งเป้าหมายสุดท้ายของการพัฒนา CRM ก็คือ การเปลี่ยนจากผู้เช่าหรือสมาชิกสมทบไปสู่การเป็นสมาชิกสมบูรณ์ตลอดไป โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
 
           หารายละเอียดข้อมูลผู้เช่าหรือสมาชิกสมทบในด้านต่างๆ ได้แก่ ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า และพฤติกรรมของลูกค้า
           วางแผนทางด้านการตลาดและการขายหรือการให้เช่ารถอย่างเหมาะสม
           ใช้กลยุทธ์ในการตลาด และการขายได้อย่างรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพตรงความต้องการของลูกค้าหรือสมาชิกสมทบ
           ทำการเพิ่มและรักษาส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจของสหกรณ์บริการ
           ลดการทำงานที่ซับซ้อน ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน ก่อให้เกิดภาพพจน์ที่ดีต่อสหกรณ์บริการ
 
           5. สหกรณ์บริการประเภทรถโดยสารแท็กซี่บางสหกรณ์ที่มีศักยภาพควรปรับการดำเนินธุรกิจให้ใช้ระบบ Global Positioning System (GPS) เนื่องจากระบบ GPS สามารถให้บริการนักท่องเที่ยวต่างถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติในการบอกเส้นทางได้อย่างถูกต้องชัดเจน เพราะระบบใช้เทคโนโลยีกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกด้วยดาวเทียม ซึ่งให้ข้อมูลการเดินทางต่าง ๆ แสดงเส้นทางที่ใช้ ตำแหน่งที่จอดบนแผนที่ แสดงกราฟความเร็วของยานพาหนะ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนเสร็จสิ้นภารกิจ ผู้ใช้สามารถนำข้อมูลมาบริหาร วิเคราะห์ ตรวจสอบ หรืออ้างอิง สามารถนำเสนอข้อมูลได้หลายรูปแบบ เช่น แสดงบนแผนที่ดิจิตอล ในมาตราส่วนต่าง ๆ คือ 1:4,000 ใน กทม. และ 1: 50,000 ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย แสดงกราฟ หรือจัดพิมพ์รายงาน ข้อมูลต่าง ๆ ถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ PC หรือ Server สามารถค้นหาข้อมูลได้ตามต้องการ สามารถจัดทำรายงานต่างๆ และระบบสามารถตรวจสอบการใช้งานยานพาหนะให้อยู่ในขอบเขตภารกิจที่กำหนดอีกด้วย
ข่าว/บทความยอดนิยม ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด ข่าว/บทความล่าสุด
Learning English : ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (22/03/2550)
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปี 2555
วิกฤตเศรษฐกิจกระทบเศรษฐกิจสหกรณ์ออมทรัพย์หรือไม่ อย่างไร...
บัญชีต้นทุนประกอบอาชีพช่วยเกษตรกรเรื่องภาษีได้
ผู้สอบบัญชีสหกรณ์มีบทบาทและหน้าที่ในการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตในสหกรณ์ได้อย่างไร
ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 2549 (28/03/2550)
กฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Law)
“ขนิษฐา มะโนสมบัติ”ครูบัญชีอาสา จังหวัดเชียงรายใช้ศาสตร์พระราชานำทางชีวิต พลิกวิกฤตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
มิติทางการเงินที่มีผลต่อหนี้สินของสหกรณ์ประมงในประเทศไทย
สหกรณ์ไทย ...คืนกำไรสู่สมาชิก 80.52 %
สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ และแนวโน้ม ปี 2568
สถานการณ์การค้าข้าวไทยและการรวบรวมผลิตผลข้าวเปลือกของภาคสหกรณ์์ไทยปี 2567
สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีส่วนขาดแห่งทุน
หนี้ที่ชำระไม่ได้ตามกำหนด/NPL ภาคสหกรณ์ไทย ในไตรมาส 2/2567
สุขภาพทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์
จำนวนคนอ่าน 20131 คน จำนวนคนโหวต 0 คน

  จำนวนคนโหวต 0 คน
โหวตคะแนนให้ข่าว/บทความนี้
1 2 3 4 5

ไม่พบข้อมูลการโหวต
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel