Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 

โดย นางสาวนิภาภรณ์ ไสยวงศ์

         
          จากสภาพปัญหามากมายจากการแข่งขันระหว่างร้านสหกรณ์กับร้านค้าเอกชน หรือห้างสรรพสินค้าอื่นๆ และปัญหาภายของร้านสหกรณ์บางแห่ง อาทิ สมาชิกขาดความรู้และอุดมการณ์ นิยมชมชอบความหรูหรา คณะกรรมการดำเนินงานไม่สนใจงานเท่าที่ควร พนักงานไม่มีประสิทธิภาพ ภาพพจน์ไม่ดี การไม่จ่ายเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนแก่สมาชิก รวมถึงภาวะเงินเฟ้อ ภาวะคนว่างงาน ผู้มีอำนาจไม่สนับสนุนเท่าที่ควร ล้วนส่งผลจำนวนผู้ที่เป็นลูกค้าและสมาชิกในชุมชนลดลง ขาดแคลนเงินทุน อย่างไรก็ตาม 2-3 ปี ที่ผ่านมาบางสหกรณ์ร้านค้าที่มีการปรับปรุงด้านการบริหารจัดการสินค้ามาจำหน่าย โดยการพัฒนาระบบการบริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพในลักษณะเป็นเครือข่ายการตลาดกับสหกรณ์ประเภทอื่นที่เป็นสินค้าประเภทเดียวกันซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน และบริการรถส่งสินค้าถึงบ้าน จนทำให้บางสหกรณ์ประสบความสำเร็จ โดยเมื่อเปรียบเทียบในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาพบว่า จำนวนสหกรณ์ร้านค้ามีแนวโน้มลดลง ในขณะที่กำไรสุทธิมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
 
          การวิเคราะห์ครั้งนี้มีแนวคิดว่าการรับรู้ต้นทุน และค่าใช้จ่ายมีความแตกต่างกัน 2 ประการคือ 1) กำไรขาดทุนทางการบัญชีจะถือว่าต้นทุนของแหล่งเงินทุนมาจากต้นทุนการกู้ยืมหรือหนี้สินที่สหกรณ์ร้านค้าจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่านั้นไม่คำนึงถึงต้นทุนของเงินทุนที่มาจากการลงทุนของสหกรณ์ร้านค้า ด้วยเหตุผลว่าสหกรณ์ร้านค้ามิได้มีรายจ่ายจำนวนนี้เป็นตัวเงินออกไปจริง 2) ส่วนแนวคิดในทางเศรษฐศาสตร์ จะถือว่าสหกรณ์ร้านค้ามีภาระต้นทุนของเงินทุนที่มาจากทั้ง 2 แหล่งคือทั้งต้นทุนของหนี้สินและต้นทุนของส่วนของสหกรณ์เนื่องจากเงินทุนจากส่วนของสหกรณ์นั้นมีต้นทุนที่เรียกว่า Implicit Interest Cost ที่เกิดขึ้นจากต้นทุนค่าเสียโอกาสที่ต้องสูญเสียไปหากนำเงินทุนจำนวนนั้นไปลงทุนอย่างอื่นซึ่งจะก่อให้เกิดผลตอบแทนจากการลงทุน ดังนั้นจึงควรรับรู้ต้นทุนของเงินทุนนี้ด้วยเพื่อให้ได้จำนวนต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่แท้จริง จะเห็นว่าผลกำไรสุทธิในทางบัญชียังเป็นที่กังขาที่ไม่สามารถวัดการตัดสินใจได้เพียงอย่างเดียวการพิจารณา มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐศาสตร์จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจในอนาคตเพื่อแสดงให้ทราบว่าสหกรณ์ร้านค้ามีผลการดำเนินงานประสบผลสำเร็จจริงหรือไม่ เพื่อศึกษาวิเคราะห์การประเมินมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐศาสตร์เทียบกับเงินทุนของสหกรณ์ร้านค้า เพื่อศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างผลกำไรสุทธิทางบัญชีกับผลกำไรสุทธิทางเศรษฐศาสตร์ของสหกรณ์ร้านค้า เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงผลจากการเนินงานตามปกติที่ใกล้เคียงกับมูลค่าเงินสดที่แท้จริงและ เพื่อการตัดสินใจของผู้บริหารที่รอบคอบยิ่งขึ้น ในการพัฒนาระบบ Logistic หรือโซ่อุปทานแบบใหม่ต่อไปให้แก่สหกรณ์ร้านค้ามีเพิ่มขึ้น โดยให้สหกรณ์ร้านค้าเป็นตลาดที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว โดยการปรับโซ่อุปทานให้ยืดหยุ่นง่ายและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากกว่าเดิม
 
         การดำเนินการวิเคราะห์โดยรวบรวมข้อมูล สหกรณ์ร้านค้าในรอบปีบัญชี 2556 จำนวน 160 สหกรณ์ มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2556 โดยสรุปยอดเพื่อประมวลผลข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 มีขอบเขตการศึกษาทั้งหมด และจังหวัดที่น่าสนใจเป็นตัวแทนในแต่ละภาคได้แก่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดตราด จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนราธิวาส จังหวัดตาก และ จังหวัดกาญจนบุรี วิเคราะห์ข้อมูลในการประเมินมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐศาสตร์ของสหกรณ์ร้านค้า ในปี 2556 โดยมีรายละเอียดสูตร และจำนวนในการคำนวณ EVA เป็นดังนี้
         
          ผลการวิเคราะห์ Economic Value Added (EVA) จำแนกเป็น 3 ชนิดดังนี้ 1) EVA = 0 หมายความว่าสหกรณ์บริหารงานได้กำไรพอดีกับต้นทุนของเงินทุนที่ใช้ไป 2) EVA < 0 แสดงว่าการสหกรณ์บริหารงานไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะผลกำไรที่ได้ไม่คุ้มกับต้นทุนของเงินทุนที่ใช้ไป (Recession Value Added) 3) EVA > 0 หมายความว่าสหกรณ์มีการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพสามารถสร้างผลกำไรได้มากกว่าต้นทุนของเงินทุนที่ใช้ไป (Prosperity Value Added)
 
          ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบอัตรามูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจต่อเงินทุนโดยรวมจำแนกเป็น 3 ระดับ 1) ระดับสูงกว่าอัตรามูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจต่อเงินทุนโดยรวม หมายความว่าสหกรณ์บริหารงานมีประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราโดยรวมของสหกรณ์ร้านค้า 2) ระดับเท่ากับอัตรามูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจต่อเงินทุนโดยรวม หมายความว่าสหกรณ์บริหารงานมีประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับอัตราโดยรวมของสหกรณ์ร้านค้า 3) ระดับต่ำกว่าอัตรามูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจต่อเงินทุนโดยรวม หมายความว่าสหกรณ์บริหารงานมีประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราโดยรวมของสหกรณ์ร้านค้า
         
          ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบ กำไรสุทธิทางบัญชี (Net Profit) กับ กำไรสุทธิทางเศรษศาสตร์ (Economic Value Added) จำแนกเป็น 3 ชนิดดังนี้ 1)อัตราการเปลี่ยนแปลง = อัตราค่าเฉลี่ยโดยรวมหมายความว่าสหกรณ์บริหารงานที่มีประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับอัตราการเปลี่ยนแปลงโดยรวมของสหกรณ์ร้านค้า 2) อัตราการเปลี่ยนแปลง < อัตราค่าเฉลี่ยโดยรวม หมายความว่าสหกรณ์บริหารงานที่มีประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงโดยรวมของสหกรณ์ร้านค้า 3) อัตราการเปลี่ยนแปลง > อัตราค่าเฉลี่ยโดยรวม หมายความว่าสหกรณ์บริหารงานที่มีประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงโดยรวมของสหกรณ์ร้านค้า
 
ผลการประเมิน 

          ผลการคำนวณ EVA สหกรณ์ร้านค้า ในปี 2556 พบว่า EVA โดยรวม > 0 (ปลายเข็มชี้พื้นที่สีเขียว) ซึ่งแสดงว่าการดำเนินงานก่อให้เกิดกำไรทางเศรษฐศาสตร์สูงกว่าต้นทุนของเงินทุนสหกรณ์ หรือสหกรณ์ร้านค้ามีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดยแสดงมูลค่าและสัดส่วนทั้งทั่วประเทศและบางจังหวัด แสดงจังหวัดที่มีมูลค่าเพิ่มสูงสุดเป็นของจังหวัดตราด แสดงจังหวัดที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำสุดเป็นของจังหวัดกรุงเทพมหานคร รายละเอียดเป็นดังนี้

          สหกรณ์ร้านค้า ที่มีการบริหารงานมีประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับสูงกว่าอัตรามูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจต่อเงินทุนโดยรวม ได้แก่ สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดตราด สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดกาญจนบุรี สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดนราธิวาส สหกรณ์ร้านค้าที่มีการบริหารงานมีประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับมาตรฐานของอัตรามูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจต่อเงินทุนโดยรวม เป็นสหกรณ์ร้านค้าจังหวัดนครราชสีมา ส่วนสหกรณ์ร้านค้าที่มีการบริหารงานมีประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตรามูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจต่อเงินทุนโดยรวม ได้แก่ สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดเชียงใหม่ สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดตาก สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสหกรณ์ร้านค้าจังหวัดกรุงเทพมหานคร รายละเอียดเป็นดังนี้
 

         
          หากเปรียบเทียบกำไรสุทธิทางบัญชีกับกำไรสุทธิทางเศรษฐศาสตร์ พบว่าสหกรณ์ร้านค้า ที่มีการบริหารงานมีประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับสูงกว่าโดยรวมได้แก่ สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดตราด สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนสหกรณ์ร้านค้าที่มีการบริหารงานมีประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับต่ำกว่าโดยรวมของสหกรณ์ร้านค้า ได้แก่ สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดนครราชสีมา สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดเชียงใหม่ สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดตาก สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดนราธิวาส สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดกรุงเทพมหานคร รายละเอียดเป็นดังนี้
 
 

 
          จากการที่ ค่า EVA ของสหกรณ์ร้านค้าโดยรวมได้ค่ามากกว่า 0 ซึ่งแสดงว่าการดำเนินงานก่อให้เกิดกำไรจากการดำเนินงานสูงกว่าต้นทุนของเงินทุนสหกรณ์ จึงสามารถทำนายแนวโน้มสหกรณ์ร้านค้าได้ว่าโดยรวมสหกรณ์ร้านค้ายังมีศักยภาพและความสามารถที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีก (Prosperity)
 
          อัตรามูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจต่อเงินทุนสหกรณ์ร้านค้าสูงกว่าอัตรามูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจต่อเงินทุนโดยรวม เป็น สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดตราด สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดกาญจนบุรี และสหกรณ์ร้านค้าจังหวัดนราธิวาส แสดงว่าแนวโน้มสหกรณ์ร้านค้าที่ตั้งอยู่บริเวณจังหวัดแถบชายแดนกัมพูชา เมียนมาร์ และมาเลเซีย มีโอกาสในช่องทางการจัดจำหน่ายที่ดี ซึ่งหากมีการให้บริการที่ดีก็จะทำให้มีฐานของลูกค้าที่กว้าง
 
          อัตราการเปลี่ยนแปลงกำไรสุทธิทางเศรษฐศาสตร์กับกำไรสุทธิทางบัญชี พบว่าสหกรณ์ร้านค้า ที่มีการบริหารงานมีประสิทธิภาพการดำเนินงานอยู่ในระดับสูงกว่าโดยรวม คือ สหกรณ์ร้านค้าจังหวัดตราด และสหกรณ์ร้านค้าจังหวัดกาญจนบุรี แสดงว่าสหกรณ์ร้านค้าแถบภาคตะวันออกและสหกรณ์ร้านค้าแถบภาคตะวันตก มีการให้บริการสินค้าที่สนองความต้องการของลูกค้าแถบนั้นได้มากกว่าแถบอื่น
 
ข้อเสนอแนะ
         
          เนื่องจากสหกรณ์ร้านค้ามีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างอย่างชัดเจน เช่น กลุ่มนักเรียน กลุ่มนักศึกษา กลุ่มข้าราชการ กลุ่มทหาร กลุ่มตำรวจ กลุ่มพนักงานบริษัท กลุ่มพนักงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่มบุคคลทั่วไป เป็นต้น ที่มีความต้องการของสินค้าที่แตกต่างกัน ในพื้นที่ ความต้องการของสินค้า รสนิยม และราคา ดังนั้น บางสหกรณ์ร้านค้าจึงควรหาแนวทางในการปรับตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจให้แก่สหกรณ์อยู่เสมอ ซึ่งทำได้โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บสินค้าคงคลัง ซึ่งหมายถึง การทำให้ต้นทุนรวมต่อหน่วยที่ต่ำสุดสำหรับสินค้าคงคลังแต่ละชนิด โดยควรทำการประยุกต์ใช้ ดังนี้
          1. วิธีการสินค้าคงคลังแบบครบวงจร(Cycle Inventory) ในการจัดเก็บเพื่อสนองความต้องการของตลาดในช่วงเวลาของการซื้อผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่ซื้อทีละมากๆเพื่อประหยัดจากการซึ้อคราวละมากๆอย่างไรก็ตามทำให้แบกต้นทุน ดังนั้น ผู้จัดการจะต้องหาจุดสั่งซื้อที่เหมาะสม(Economic Order Quantity : EOQ) หรือปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด เพื่อตัดสินใจระหว่างการลดต้นทุนในการสั่งซื้อเทียบกับการซื้อคราวละมากๆ เช่น น้ำมันพืช สบู่ ผงซักฟอก ชุดทหาร ชุดตำรวจ เป็นต้น แล้วเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง
          2. วิธีการสินค้าคงคลังแบบสำรอง(Safety Inventory) ซึ่งเป็นสินค้าคงคลังที่เก็บไว้เป็น”กันชน”(Buffer) เพื่อสำรองไว้รับมือกับความไม่แน่นอน เพื่อตัดสินใจเลือกเทียบรายไประหว่างค่าใช้จ่ายของการจัดเก็บสินค้าคงคลังชนิดพิเศษในห้องเย็น เพื่อการส่งออก เทียบกับมูลค่าของยอดขายที่สูญหายไปในช่วงที่สินค้าคงคลังมีไม่พอ เช่น ทุเรียนหมอนทอง มังคุด เป็นต้น
ข่าว/บทความยอดนิยม ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด ข่าว/บทความล่าสุด
Learning English : ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (22/03/2550)
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปี 2555
วิกฤตเศรษฐกิจกระทบเศรษฐกิจสหกรณ์ออมทรัพย์หรือไม่ อย่างไร...
บัญชีต้นทุนประกอบอาชีพช่วยเกษตรกรเรื่องภาษีได้
ผู้สอบบัญชีสหกรณ์มีบทบาทและหน้าที่ในการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตในสหกรณ์ได้อย่างไร
ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 2549 (28/03/2550)
กฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Law)
“ขนิษฐา มะโนสมบัติ”ครูบัญชีอาสา จังหวัดเชียงรายใช้ศาสตร์พระราชานำทางชีวิต พลิกวิกฤตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
มิติทางการเงินที่มีผลต่อหนี้สินของสหกรณ์ประมงในประเทศไทย
สหกรณ์ไทย ...คืนกำไรสู่สมาชิก 80.52 %
สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ และแนวโน้ม ปี 2568
สถานการณ์การค้าข้าวไทยและการรวบรวมผลิตผลข้าวเปลือกของภาคสหกรณ์์ไทยปี 2567
สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีส่วนขาดแห่งทุน
หนี้ที่ชำระไม่ได้ตามกำหนด/NPL ภาคสหกรณ์ไทย ในไตรมาส 2/2567
สุขภาพทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์
จำนวนคนอ่าน 16704 คน จำนวนคนโหวต 0 คน

  จำนวนคนโหวต 0 คน
โหวตคะแนนให้ข่าว/บทความนี้
1 2 3 4 5

ไม่พบข้อมูลการโหวต
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel