|
|
 |
โดย นุจรินทร์ ตรีมงคล |
สหกรณ์ออมทรัพย์ "Thrift and Credit cooperative เป็นสถาบันการเงินแบบหนึ่ง"financial institution ที่เกิดจากการรวมกลุ่มบุคคลในหน่วยงานเดียวกัน รวมกลุ่มอาชีพหรืออาศัยอยู่ในท้องถิ่นเดียวกัน อาทิ ตำรวจ ทหาร ครู รัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน เป็นต้น จัดตั้งเป็นสหกรณ์ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์สถานะเป็นนิติบุคคล การจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ขึ้นเพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของสมาชิก โดยยึดหลักการช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และส่งเสริมให้สมาชิกรู้จักการประหยัด รู้จักการออมและสามารถบริการเงินกู้ให้แก่สมาชิกเพื่อนำไปใช้จ่ายเมื่อเกิดความจำเป็น จึงเป็นการร่วมกันแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมอีกทางหนึ่ง สหกรณ์ออมทรัพย์แห่งแรกในประเทศไทย คือ "สหกรณ์ข้าราชการจำกัดสินใช้" ตั้งขึ้นเมื่อกันยายน 2492
การดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ (ไม่รวมชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์) ประจำปี 2556สำหรับสหกรณ์ที่มีปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 1 เมษายน 2555 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2556 รวบรวมประมวลผล ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 ภาพรวมระบบสหกรณ์ออมทรัพย์มีจำนวน สหกรณ์ ตามทะเบียนทั้งสิ้น 1,432 สหกรณ์ เป็นสหกรณ์ที่ต้องตรวจสอบจำนวน 1,365 * สหกรณ์ ( * ในจำนวนนี้รวบรวมข้อมูลได้จำนวน 1,334 สหกรณ์ (98%) และไม่พร้อมรับการตรวจสอบ จำนวน 31 สหกรณ์ (2%) ) ส่วนที่เหลือเป็นสหกรณ์ที่ไม่ต้องตรวจสอบจำนวน 67 สหกรณ์ เนื่องจากอยู่ในสถานภาพเลิก/ชำระบัญชี สหกรณ์ออมทรัพย์ มีจำนวนสมาชิกโดยรวมทั้งประเทศกว่า 2.87 ล้านคน คิดเป็น 4.42% ของประชากรทั้งประเทศ (ณ มี.ค. 2556 จำนวนประชากรทั้งประเทศ จำนวน 64.9 ล้านคน ที่มา มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันวิจัยประชากรและสังคม) |
 |
การดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ ปี 2556 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.46 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 เป็นจำนวนเงิน 4.4 หมื่นล้านบาท หรือ 3.08% ธุรกิจที่ดำเนินงานมีมูลค่าสูงสุดได้แก่ ธุรกิจการให้เงินกู้แก่สมาชิก จำนวนเงิน 1.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 71.97% ของปริมาณธุรกิจทั้งสิ้น)
จากภาพรวมปริมาณธุรกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ ปี 2556 ร้อยละ 71.97 หรือ 3 ใน 4 มาจากการให้เงินกู้แก่สมาชิก ดังนั้นสหกรณ์ควรติดตามลูกหนี้ให้ชำระหนี้เป็นไปตามสัญญา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ด้อยคุณภาพอันก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของสหกรณ์
|

|
ผลการดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ ปี 2556 ส่วนใหญ่ประสบผลสำเร็จมีผลกำไร จำนวน 1,299 สหกรณ์ คิดเป็น 97.38 ของจำนวนสหกรณ์ที่รวบรวมได้ (1,334 สหกรณ์)ผลประกอบการสหกรณ์ออมทรัพย์ ปี 2556 มีรายได้รวม 96,510.06 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 42,611.33 ล้านบาท ก่อให้เกิดผลกำไรสุทธิ 53,898.73 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2555 เป็นจำนวนเงิน 6,139.09 ล้านบาท หรือ 12.85%
จากภาพรวมผลการดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ ปี 2556 มีการเติบโตขึ้นจากปี 2555
|
|
ฐานะการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ปี 2556 มีสินทรัพย์ หรือ หนี้สินและทุน รวมเป็นจำนวนเงิน 1.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 เป็นจำนวนเงิน 2.3 แสนล้านบาท หรือ 15.39%
จากภาพรวมฐานะการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ ปี 2556
- สินทรัพย์ ส่วนใหญ่มาจากลูกหนี้สมาชิกกู้ ระยะยาว จำนวนเงิน 1.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น
72.26% หรือ 2 ใน 3 ของสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น
- หนี้สิน ส่วนใหญ่มาจากหนี้สินหมุนเวียน จำนวนเงิน 8.03 แสนล้านบาท คิดเป็น 47.36%
(หนี้สินหมุนเวียนส่วนใหญ่ มาจากเงินรับฝากจากสมาชิก = 5 แสนล้านบาท )
- ทุน จำนวนเงิน 7.95 แสนล้านบาท คิดเป็น 46.89%
|
ประสิทธิภาพการบริหาร งานของสหกรณ์ออมทรัพย์ แบ่งเป็น
1. สภาพคล่องทางการเงิน (Liquidity Ratio) พิจารณาจากอัตราส่วนทุนหมุนเวียน (Current Ratio) = สินทรัพย์หมุนเวียน (CA) /หนี้สินหมุนเวียน (CL) อัตราส่วนนี้ใช้วัดความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น ถ้าอัตราส่วนมีค่าสูงแสดงว่า สหกรณ์มีสินทรัพย์หมุนเวียนที่ประกอบไปด้วย เงินสด ลูกหนี้ และ สินค้าคงเหลือ มากกว่า หนี้ระยะสั้น ทำให้สภาพคล่องในการชำระหนี้ระยะสั้นมีค่อนข้างมาก
ปี 2556 ถ้าพิจารณาจากอัตราส่วนทุนหมุนเวียนของสหกรณ์ออมทรัพย์ที่คำนวณได้ เท่ากับ 0.36 เท่า แสดงว่าสภาพคล่องทางการเงินของสหกรณ์ ไม่ดีนัก แต่ถ้าพิจารณาหนี้สินหมุนเวียนจริง ซึ่งไม่รวมเงินรับฝากจากสมาชิก จะทำให้อัตราส่วนทุนหมุนเวียนเท่ากับ 0.99 เท่า แสดงว่าสภาพคล่องทางการเงินของสหกรณ์ ในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี มีความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น
2. ความสามารถในการทำกำไร (Profitability Ratio) พิจารณาจากอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)= กำไรสุทธิ (Net Profit) /รายได้ (Revenue) อัตราส่วนนี้ใช้วัดประสิทธิภาพในการดำเนินงานของสหกรณ์ในการทำกำไร ถ้าอัตราส่วนมีค่าสูง แสดงว่าสหกรณ์มีความสามารถในการทำกำไรได้ดี
ปี 2556 อัตรากำไรสุทธิของสหกรณ์ออมทรัพย์ เท่ากับ 65.29% แสดงว่าสหกรณ์มีความสามารถในการดำเนินงาน เพื่อให้มีผลกำไรอยู่ในเกณฑ์ ดี เพิ่มขึ้นจากปี 2555 เท่ากับ 6.20%
3. ความสามารถในการบริหารจัดการ / คุณภาพสินทรัพย์ (Efficiency Ratio) พิจารณาจากอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวม (Return of Assets - ROA) = กำไรสุทธิ (Net Profit) /สินทรัพย์รวม (Total Assets) อัตราส่วนนี้ใช้วัดความสามารถในการทำกำไรของสินทรัพย์ทั้งหมดที่ธุรกิจใช้ ในการดำเนินงาน ว่าให้ผลตอบแทนจากการดำเนินงานได้มากน้อย เพียงใด ถ้าอัตราส่วนนี้มีค่าสูง แสดงถึงการใช้สินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ
ปี 2556 อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวมของสหกรณ์ออมทรัพย์ เท่ากับ 3.40% แสดงว่า สหกรณ์มีความสามารถในการใช้ทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก่อให้เกิดกำไร
4. วิเคราะห์นโยบายทางการเงิน / ความเพียงพอของเงินทุนต่อความเสี่ยง (Leverage Ratio or Financial Ratio) พิจารณาจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt/Equity Ratio) = หนี้สินรวม (Total Debt) /ส่วนของเจ้าของ หรือ ทุนของสหกรณ์ (Equity) อัตราส่วนนี้เพื่อให้ทราบถึงแหล่งที่มาของเงินทุนว่ามาจากหนี้สินหรือส่วนของเจ้าของ แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในด้านเจ้าหนี้และเจ้าของกิจการ ถ้าอัตราส่วนนี้มีค่าสูง แสดงว่าส่วนของเจ้าของหรือทุนน้อยกว่าหนี้สิน กิจการต้องกู้ยืมเงินมาใช้ในการดำเนินกิจการ
ปี 2556 ถ้าพิจารณาจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์ ที่คำนวณได้ เท่ากับ 1.13 เท่า แสดงว่าทุนของสหกรณ์ไม่สามารถคุ้มครองหนี้สินได้ แต่ถ้าพิจารณาหนี้สินรวมจริง ซึ่งไม่รวมเงินรับฝากจากสมาชิก จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน เท่ากับ 0.50 เท่า แสดงว่าในภาพรวมทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์ยังคงเพียงพอต่อหนี้สินรวม ซึ่งเงินรับฝากจากสมาชิกในรอบ 5 ปี (2552 2556)เพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้นสหกรณ์ออมทรัพย์ไม่จำเป็นต้องกู้ยืมเงินจากภายนอกมา เพื่อชำระหนี้ และต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สมาชิกในการนำเงินมาฝากกับสหกรณ์ออมทรัพย์
จากภาพรวม ประสิทธิภาพ การบริหารงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ ปี 2556 เมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนทั้ง 4 ข้อ แสดงให้เห็นว่า ด้านการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์มีสภาพคล่อง อยู่ในเกณฑ์ดี และทุนของสหกรณ์เพียงพอใน การชำระหนี้ ได้ และด้านการดำเนินงาน สหกรณ์ออมทรัพย์สามารถบริหารกิจการให้มีกำไรได้เป็น อย่างดี
|
ในภาพรวมผลการดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งระบบถือว่าอยู่ในระดับดี แม้ว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยจะเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์รุนแรงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามสหกรณ์ยังคงเป็นองค์กรธุรกิจรูปแบบหนึ่งที่ต้องมีการแข่งขันกับธุรกิจอื่นๆ เพื่อความอยู่รอด ฉะนั้นไม่ควรละทิ้งหลักการอุดมการณ์ และวิธีการสหกรณ์ และที่สำคัญต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกและผู้ที่เกี่ยวข้อง นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินกิจการ เพื่อให้สหกรณ์เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
|
สหกรณ์ออมทรัพย์ควรจัดทำงบกระแสเงินสด (Statement of Cash Flows) คือ งบแสดงการเปลี่ยนแปลง การได้มา และใช้ไปของเงินสด หรือรายการเทียบเท่าเงินสด ในรอบระยะเวลาบัญชีหนึ่ง ซึ่งงบกระแสเงินสดจะแสดงให้เห็นถึงเส้นทางของเงิน กระแสเงินไหลเข้า (Cash Inflows) และ กระแสเงินไหลออก (Cash Outflows) ของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เพื่อให้ผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์เห็นถึงสภาพคล่องทางการเงิน และนำมาพิจารณากำหนดหลักการในการบริหารสหกรณ์ต่อไป |
 |
?xml:namespace> |
|
ข่าว/บทความยอดนิยม |
ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด |
ข่าว/บทความล่าสุด |
|
|
|
จำนวนคนอ่าน 22414 คน |
จำนวนคนโหวต 4 คน |
|
|
สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889 |
|
 |

|
 |
|
การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel |
|