กลุ่มเกษตรกร (Farmer Groups) ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ในกรณีที่คณะบุคคลผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งร่วมกันดำเนินการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมแต่ยังไม่อาจรวมกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 ได้ จะจัดตั้งเป็นกลุ่มเกษตรกรขึ้นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาก็ได้
ปี 2557 ภาคสหกรณ์ไทย ประกอบด้วย สหกรณ์ทุกประเภท(ไม่รวมชุมนุมสหกรณ์) และ กลุ่มเกษตรกร มีจำนวนทั้งสิ้น 10,717 แห่ง (สหกรณ์ทุกประเภท 6,648 สหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกร 4,069 กลุ่ม) มีสมาชิกรวมทั้งประเทศ 12.14 ล้านคน แบ่งเป็นสมาชิกภาคการเกษตร 6.65 ล้านคน (54.79%) สมาชิกนอกภาคการเกษตร 4.93 ล้านคน (40.59%) และสมาชิกกลุ่มเกษตรกร 5.61 แสนคน (4.62%)

|
เงินออมภาคสหกรณ์ไทย ปี 2557 จากข้อมูลที่รวบรวมได้ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ |
|
|
เงินออมภาคสหกรณ์ไทยปี 2557 รวมทั้งสิ้น 1.41 ล้านล้านบาท ประกอบด้วยเงินฝากของสมาชิก 6.1 แสนล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 5.1 หมื่นล้านบาท และเงินหุ้นสะสม 8 แสนล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 6.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น
สหกรณ์ทุกประเภท มีเงินออมรวม 1.41 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากสหกรณ์นอกภาคการเกษตร ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ มีเงินออมเป็นจำนวนเงิน 1.26 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 89.36 ของเงินออมรวมสหกรณ์ เงินออมสหกรณ์ทุกประเภทเฉลี่ยเดือนละ 1.18 แสนล้านบาท เฉลี่ยคนละ 121,859 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.27%
กลุ่มเกษตรกร มีเงินออมรวม 965.74 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 80.48 ล้านบาท เฉลี่ยคนละ 1,721.48 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.07%
|
การขยายตัวของเงินออมภาคสหกรณ์ไทย |

|
เงินออมภาคสหกรณ์ไทย ปี 2557 มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2556 ภาพรวมคิดเป็น 8.86% |
สหกรณ์ทุกประเภท ปี 2557 มีจำนวนเงินออมรวมเพิ่มขึ้นจากปี 2556 เท่ากับ 1.15 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัว 8.86% สหกรณ์นอกภาคการเกษตรมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าสหกรณ์ ภาคการเกษตร ซึ่งสหกรณ์นอกภาคการเกษตรที่มีการขยายตัวมากที่สุดได้แก่ สหกรณ์ร้านค้า มีอัตรา การขยายตัว เท่ากับ 11.68% |
กลุ่มเกษตรกร ปี 2557 มีจำนวนเงินออมรวมเพิ่มขึ้นจากปี 2556 เท่ากับ 82 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัว 9.28% |
 |
จำนวนเงินออมภาคสหกรณ์ไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2553 - 2557) เพิ่มขึ้นทุกปี
สหกรณ์ทุกประเภท เงินออมเพิ่มจาก 9.59 แสนล้านบาทในปี 2553 เป็น 1.41 ล้านล้านบาท ในปี 2557 เฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 1.13 แสนล้านบาท
กลุ่มเกษตรกร เงินออม เพิ่มจาก 541.91ล้านบาทในปี 2553 เป็น 965.74 ล้านบาท ในปี 2557 เฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 105.96 ล้านบาท
|
|
หากพิจารณาถึงอัตราการเติบโตของเงินออมภาคสหกรณ์ไทย ตั้งแต่ปี 2553 - 2557 โดยเปรียบเทียบเงินออมระหว่าง 2 ปี (ปีปัจจุบันหักปีก่อนและนำมาคำนวณเป็นอัตราการเติบโต) จะเห็นได้ว่าอัตราการเติบโตในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ทุกปี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับภาพรวมเงินออมของประเทศ
สหกรณ์ทุกประเภท มีอัตรา การเติบโต ของเงินออมลดลงทุกปี ในปี 2553 มีอัตราการเติบโต 17.46% ลดลงเรื่อยๆ จนถึงปี 2557 มีอัตราการเติบโตเพียง 8.86%
|
 |
|
กลุ่มเกษตรกร มีอัตราการเติบโตของเงินออม ทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง ซึ่งอัตราการเติบโตสูงสุดในปี 2556 อยู่ที่ 22.41% และต่ำสุดในปี 2557 เท่ากับ 9.28% |
สำหรับแนวโน้มเงินออมภาคสหกรณ์ไทยในอนาคต อาจจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเงินออมของสมาชิกจะเพิ่มขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อสมาชิกจัดทำบัญชีครัวเรือน เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย (ใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็น ไม่ฟุ่มเฟือย) โดยผู้บริหารสหกรณ์ควรชี้แจงความสำคัญของการออมให้สมาชิกทราบ สร้างความศรัทธาและความเชื่อมั่นให้สมาชิกนำเงินมาฝากกับสหกรณ์ให้มากขึ้น เพื่อสหกรณ์นำเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด ซึ่งผู้บริหารสหกรณ์ต้องศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนทุกครั้ง เนื่องจากการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับสหกรณ์ และทำให้สหกรณ์มีเสถียรภาพทางการเงินและยั่งยืนต่อไป ส่งผลให้สมาชิกได้รับผลตอบแทน และมีเงินเก็บไว้ใช้ ยามจำเป็นหรือกรณีฉุกเฉินมากขึ้นด้วย
"การออม คือ ไม่ฟุ่มเฟือย ประหยัด รู้จักคิด รู้จักใช้จ่ายอย่างมีสติ |
?xml:namespace>