จับตา 55 ปี กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จากยอดสู่รากแก้ว-สร้างเครือข่ายเพื่อความยั่งยืน (13/03/2550)

               ปัจจุบันกรมตรวจบัญชีสหกรณ์นับมีบทบาทยิ่งต่อการสร้างความยั่งยืนให้เกษตรกร
  ฐานราก โดยเฉพาะงานตามนโยบายภาครัฐ ที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความยากจนและยกระดับ
  คุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่ของประเทศ ตลอดจนส่งเสริมและพัฒนาระบบสหกรณ์มาตั้งแต่
่  แรกเริ่มที่มีการจัดตั้งสหกรณ์ขึ้นในประเทศไทย   โดย 12 มีนาคม 2550 กรมตรวจบัญชี
  สหกรณ์ จะเวียนบรรจบครบรอบ 55 ปี   โดยปีนี้จะเน้นสร้างยุทธศาสตร์ เครือข่าย…เพื่อ
  ความยั่งยืน ( Network for Sustainability ) จากยอดสู่รากแก้ว ควบคู่กับพัฒนาสหกรณ์ให้
  โปร่งใสก้าวไกลด้วยไอที นำบัญชี...สู่เกษตรกรไทย
                นายเรืองชัย บุญญานันต์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตลอด
  55 ปี ที่ผ่านมา    กรมตรวจบัญชีสหกรณ์มีภารกิจในการกำกับดูแลการบริหารจัดการทางด้าน
  การเงินและบัญชีของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร      โดยมุ่งเน้นการให้บริการแก่สหกรณ์และ
  กลุ่มเกษตรกร ให้สามารถจัดทำงบการเงินและนำข้อมูลการเงินไปใช้ประโยชน์ในการบริหาร
  ได้รวดเร็ว      โดยจัดให้มีโครงการส่งเสริมสนับสนุนการใช้โปรแกรมระบบบัญชีของสหกรณ์
  เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทางการเงินและบัญชี   และโครงการ 3 ประสานเพื่อพัฒนา
  การสหกรณ์ (Win Win Relationship: WWR)   ในลักษณะเครือข่ายบูรณาการ       ระหว่าง
  กรรมการ   ผู้ตรวจสอบกิจการ และผู้สอบบัญชี      ในอันที่จะพัฒนาบริหารจัดการธุรกิจของ
  สหกรณ์ให้เกิดความมั่นคงทางการเงิน   เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันเกษตรกร เกิด
  ประโยชน์ต่อมวลสมาชิก       ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรหรือสถาบันมีธรรมาภิบาล
  ในการบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินงานของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร
  ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นที่สหกรณ์ต้องมีข้อมูลทางการเงินเพื่อใช้ในการวิเคราะห์
  สนับสนุนการตัดสินใจ     และเป็นเครื่องมือในการเฝ้าระวัง และเตือนภัยทางการเงินสู่ความ
มั่นคง เข้มแข็ง และสมดุลอย่างยั่งยืน        ที่จะสร้างความสุขให้มวลสมาชิกมีคุณภาพที่ดีขึ้น
  เจ้าหน้าที่มีความสุขและความอยู่รอดของสหกรณ์ต่อไป
               นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นส่งเสริมให้คนไทยทำบัญชีครัวเรือน   มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้
้  และลดรายจ่าย    โดยนับจากปีนี้เป็นต้นไป กรมตรวจบัญชีสหกรณได้วางเป้าหมายนำความรู้
  ด้านบัญชีเข้าถึงประชาชนมากที่สุด    โดยการเข้าไปส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปนำบัญชีไปใช้
  เป็นเครื่องมือในการใช้ชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
               อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์กล่าวต่อว่า นับจากปี 2550 เป็นต้นไป   กรมตรวจ
  บัญชีสหกรณ์ มีเป้าหมายที่จะเข้าไปส่งเสริมการทำบัญชี    สร้างความพอเพียงในชุมชนต่าง ๆ   โดยวางกลุ่มเป้าหมายไว้ 4 ระดับ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ทำบัญชีเลือกตัดสินใจที่จะดำเนินชีวิตอย่าง
  เหมาะสม

กลุ่มแรกคือ เยาวชนระดับประถม-มัธยม-อุดมศึกษา ด้วยการส่งเสริมให้เกิด
   การบันทึกบัญชีในชีวิตประจำวัน และในเยาวชนบางคนที่มีความพร้อมก็สามารถบันทึกบัญชี
   ครัวเรือนเพื่อทดแทนคุณให้กับผู้ปกครองได้
               ถัดมาคือ กลุ่มครัวเรือน ด้วยการส่งเสริมให้มีการบันทึกบัญชีครัวเรือน ซึ่งช่วย
ให้รู้รายได้ รู้รายจ่าย รู้หนี้สินและมีเงินออม
               กลุ่มที่สาม คือกลุ่มชุมชน  ด้วยการส่งเสริมให้มีการนำความรู้ด้านบัญชีไปใช้ใน
  กลุ่มอาชีพและอาจพัฒนาการรวมกลุ่มเพื่อจัดตั้งเป็นสหกรณ์ ซึ่งการบันทึกบัญชีการประกอบ
  อาชีพทำให้รู้ต้นทุน กำไร สร้างความโปร่งใส รวมคิดวางแผนเพื่ออนาคตได้
               และกลุ่มสุดท้ายคือ องค์กร ด้วยการส่งเสริมให้สมาชิกในองค์กรได้จัดทำบัญชี
  ประจำวัน ซึ่งจะช่วยสะท้อนตัวตนรู้ใช้ - รู้จ่ายและเกิดความสมดุล ใช้ชีวิตตามแนวทาง
เศรษฐกิจพอเพียง
                อีกทั้ง ปีนี้เป็นปีมหามงคล กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงได้ร่วมคิดกับอีก 7
  หน่วยงาน  เพื่อร่วมกันจัดทำโครงการ ทำบัญชี มีพอใช้ ให้พ่อดู โดยจุดเริ่มต้นจากพระราช
  ดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเมตตาแนะนำข้าราชการชั้นผู้น้อยผู้หนึ่ง   ให้
  จัดทำบัญชีใช้จ่ายของตนเอง หลังจากที่พระองค์ได้ให้เงินช่วยเหลือมาโดยตลอด     ต่อมา
ปรากฏว่าภายหลังข้าราชการผู้นั้นมีเงินพอใช้ โดยสามารถใช้จ่ายในเงินเดือนของตนเองได้
  ก็สะท้อนให้เห็นว่าการทำบัญชี   ทำให้มีเงินพอใช้ทำให้รู้จักตนเอง      ภายใต้สโลแกนที่ว่า
“รู้จด รู้จริง รู้จ่าย จะไม่จน” กล่าวโดยสังเขป คำว่า รู้จดก็หมายถึง ให้บันทึกรายรับ
  รายจ่ายในชีวิตประจำวัน รู้จริง หมายถึงขอให้รู้ว่าตนเองอยู่ในสถานะใด     รู้จ่าย
หมายถึง รู้ในสิ่งที่ควรจ่ายหรือไม่ควรจ่ายในสิ่งใด หากรู้ใน 3 รู้ข้างต้น ก็จะมีส่วน
ทำให้ “ไม่จน”
                การทำบัญชีเหมือนกระจกเงา ส่องให้เห็นว่าตัวเองเป็นอย่างไร ตัวเลขต่าง ๆ ที่
  ปรากฏก็จะช่วยให้เราฉุกคิดได้ว่าควรปฎิบัติตัวในด้านการใช้จ่ายแบบไหน     ซึ่งจะทำให้เรา
  ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น   ที่สำคัญแนวทางดังกล่าวจะสัมพันธ์กับการดำเนินชีวิตตาม
  กรอบแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เรารู้จักกันดีว่า 3 ห่วง 2 เงื่อนไข
(พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี มีเงื่อนไขความรู้ คู่คุณธรรม)   เป็นการใช้บัญชี
เป็นเครื่องมือช่วย  เป็นกระจกเงาเพื่อใช้ชีวิตตามทางสายกลาง และเป็นเครื่องมือที่ดีในการ
  สร้างวินัยทางการเงิน   รู้ทิศทางอนาคตตนเอง   สร้างชีวิตที่ดีขึ้นอย่างพอมี พอกิน พอใช้...
  สร้างความมั่นคงในชีวิต
                ย่างก้าว 55 ปี ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์......จึงนับว่าเป็นย่างก้าวที่น่า
จับตายิ่ง
  —————————————————

ที่มา: ส่วนประชาสัมพันธ์

ข่าว/บทความยอดนิยม

ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด

ข่าว/บทความล่าสุด

	Learning English : ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (22/03/2550)
	สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปี 2555
	วิกฤตเศรษฐกิจกระทบเศรษฐกิจสหกรณ์ออมทรัพย์หรือไม่ อย่างไร...
	บัญชีต้นทุนประกอบอาชีพช่วยเกษตรกรเรื่องภาษีได้
	ผู้สอบบัญชีสหกรณ์มีบทบาทและหน้าที่ในการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตในสหกรณ์ได้อย่างไร

	ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 2549 (28/03/2550)
	กฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Law)
	“ขนิษฐา มะโนสมบัติ”ครูบัญชีอาสา จังหวัดเชียงรายใช้ศาสตร์พระราชานำทางชีวิต พลิกวิกฤตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
	มิติทางการเงินที่มีผลต่อหนี้สินของสหกรณ์ประมงในประเทศไทย
	สหกรณ์ไทย ...คืนกำไรสู่สมาชิก 80.52 %

	สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ และแนวโน้ม ปี 2568
	สถานการณ์การค้าข้าวไทยและการรวบรวมผลิตผลข้าวเปลือกของภาคสหกรณ์์ไทยปี 2567
	สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีส่วนขาดแห่งทุน
	หนี้ที่ชำระไม่ได้ตามกำหนด/NPL ภาคสหกรณ์ไทย ในไตรมาส 2/2567
	สุขภาพทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์