Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 
 
โดย วัลดี แก้วพรหม
         
          ภาวะเศรษฐกิจภาคสหกรณ์ไทย ในช่วงตลอดปี 2558 ที่ผ่านมาเผชิญกับปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง และราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ รวมทั้ง เศรษฐกิจของประเทศที่ยังชะลอตัว ส่งผลต่อธุรกิจภาคสหกรณ์ไทย โดยในปี 2558 รวบรวมข้อมูลจากงบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแล้ว ประมวลผล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 มีจำนวนสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั้งสิ้น 11,139 แห่ง ประกอบด้วย สหกรณ์จำนวน 7,006 แห่ง (ภาคการเกษตร 3,854 แห่ง, นอกภาคการเกษตร 3,152 แห่ง) และกลุ่มเกษตรกรจำนวน 4,133 แห่ง จำนวนสมาชิกรวมทั้งสิ้น 12.47 ล้านคน คิดเป็น 19.12 % ของประชากรทั้งประเทศ โดยทุนดำเนินงานขยายตัว 7.38 % สร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจรวม 2.08 ล้านล้านบาท คิดเป็น 15.36 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือ GDP (13,537,485 ล้านบาท)
 
          การจัดการธุรกิจของภาคสหกรณ์ไทย ปี 2558 มีการดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์รวม 5 ธุรกิจหลัก ธุรกิจโดยรวมขยายตัว 5.60 % โดยธุรกิจสินเชื่อมีมูลค่าสูงสุด 1.20 ล้านล้านบาท คิดเป็น 57.71 % ของมูลค่าธุรกิจรวมทั้งสิ้น รองลงมา ธุรกิจรับฝากเงิน (33.74 %) ธุรกิจรวบรวมและแปรรูปผลิตผล (4.63 %) ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย (3.83 %) และธุรกิจให้บริการและส่งเสริมการเกษตร (0.09%) หากพิจารณาการจัดการธุรกิจเป็นรายกลุ่ม จะเห็นว่า ธุรกิจสหกรณ์นอกภาคการเกษตรขยายตัว 6.75 % สำหรับธุรกิจสหกรณ์ภาคการเกษตรขยายตัวเล็กน้อยที่ 0.62 % ในขณะที่ธุรกิจกลุ่มเกษตรกรหดตัว 19.33 %
 
 
          ผลการดำเนินงานโดยรวม มีรายได้ 3.39 แสนล้านบาท หดตัวลงเล็กน้อยที่ 0.01 % ส่วนค่าใช้จ่ายหดตัว 5.69 % มีผลกำไรสุทธิขยายตัว 29.50 % เมื่อเทียบกับปี 2557 โดยสหกรณ์ภาคการเกษตรมีรายได้รวมสูงสุด 1.82 แสนล้านบาท คิดเป็น 53.68 % ของรายได้รวมทั้งสิ้น ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวมสูงสุดเช่นกัน 1.78 แสนล้านบาท คิดเป็น 66.57 % ของค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น สำหรับสหกรณ์นอกภาคการเกษตร แม้จะมีรายได้น้อยกว่าสหกรณ์ภาคการเกษตรแต่ก็สามารถทำกำไรสุทธิได้สูงสุด 6.73 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 94.83 % ของกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น
 
 
          ภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของภาคสหกรณ์ไทย ในภาพรวมมีความสามารถในการบริหารจัดการได้ดีพอสมควร จะเห็นได้จากทุนดำเนินงานจำนวน 2.53 ล้านล้านบาท ขยายตัว 7.38 % เป็นทุนของสหกรณ์เอง 43.26 % เป็นเงินรับฝากจากสมาชิก 30.04 % ที่เหลือเป็นหนี้เงินกู้ยืมจากภายนอก 25.55 % ทุนของสหกรณ์จึงสามารถรองรับหนี้จากภายนอกได้ 1.69 เท่า โดยทุนของสหกรณ์นอกภาคการเกษตรสามารถรองรับหนี้จากภายนอกได้สูงสุด 1.85 เท่า รองลงมาเป็น ทุนของกลุ่มเกษตรกรสามารถรองรับหนี้ภายนอก 1.57 เท่า ในขณะที่ทุนของสหกรณ์ภาคการเกษตรไม่สามารถรองรับหนี้ภายนอกได้ซึ่งอยู่ที่ 0.78 เท่า และเงินทุนดังกล่าวนำไปลงทุนอยู่ในลูกหนี้สูงสุด 80.43 % ของสินทรัพย์ทั้งสิ้น โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 2.90 % และบริหารจัดการธุรกิจเติบโต 5.60 % ส่งผลให้กำไรสุทธิขยายตัว 29.50 % หากพิจารณาถึงความเพียงพอของสภาพคล่องต่อความต้องการใช้เงิน ถึงแม้ว่า อัตราส่วนสินทรัพย์หมุนเวียนต่อหนี้สินหมุนเวียน 0.45 เท่า แต่จะเห็นได้ว่า ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมระยะสั้นสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดถึง 80.38 % ของลูกหนี้ที่ถึงกำหนดชำระทั้งสิ้น และหนี้สินหมุนเวียนส่วนใหญ่เป็นเงินรับฝากจากสมาชิก ซึ่งเป็นทุนภายในของสหกรณ์ อย่างไรก็ตาม ควรบริหารจัดการและดูแลปริมาณรับฝาก-ถอนเงิน ให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมเพื่อรักษาสภาพคล่องที่ดีต่อไป
 
 
         
         บทสรุป ภาพรวมเศรษฐกิจภาคสหกรณ์ไทยปี 2558 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ดังนั้น ปีหน้าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป ภาคสหกรณ์ไทยทุกประเภทต้องสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกและนักลงทุนให้ความสำคัญของการสะสมทุนสำรอง ซึ่งเป็นทุนที่มีความมั่นคงและปราศจากภาระผูกพัน จะช่วยเป็นเกราะป้องกันรองรับผลกระทบที่เกิดจากภาวะธุรกิจผันผวน และต้องพิจารณาหาแนวทางให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ภายในกำหนดเวลา โดยส่งเสริมอาชีพให้แก่สมาชิกเพื่อสร้างรายได้ สนับสนุนสินเชื่อเพื่อการผลิต และจัดหาปัจจัยการผลิต โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงและหลักธรรมาภิบาลมาบริหารจัดการธุรกิจสหกรณ์ เพื่อให้สมาชิกมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้ง พิจารณาปรับปรุงเงื่อนไขธุรกิจการให้สินเชื่อ โดยคำนึงถึงขีดความสามารถการชำระหนี้ของสมาชิกเป็นสำคัญ ตลอดจนพิจารณาหาแนวทางลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สัมพันธ์กับรายได้ โดยการหาเครื่องมือการบริหารงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายตามความเหมาะสม กำหนดแผนรองรับความเสี่ยงอย่างเป็นระบบและครอบคลุมทุกปัญหาที่เป็นไปได้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและมั่นคงสหกรณ์
           การจัดการธุรกิจในรอบ 5 ปี (ปี 2554 – 2558) ธุรกิจขยายตัวจาก 1.71 ล้านล้านบาท ในปี 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 2.08 ล้านล้านบาท ในปี 2558 และแนวโน้มปี 2559 คาดการณ์ว่าขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.17 ล้านล้านบาท
 
 
ข่าว/บทความยอดนิยม ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด ข่าว/บทความล่าสุด
Learning English : ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (22/03/2550)
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปี 2555
วิกฤตเศรษฐกิจกระทบเศรษฐกิจสหกรณ์ออมทรัพย์หรือไม่ อย่างไร...
บัญชีต้นทุนประกอบอาชีพช่วยเกษตรกรเรื่องภาษีได้
ผู้สอบบัญชีสหกรณ์มีบทบาทและหน้าที่ในการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตในสหกรณ์ได้อย่างไร
ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 2549 (28/03/2550)
กฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Law)
“ขนิษฐา มะโนสมบัติ”ครูบัญชีอาสา จังหวัดเชียงรายใช้ศาสตร์พระราชานำทางชีวิต พลิกวิกฤตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
มิติทางการเงินที่มีผลต่อหนี้สินของสหกรณ์ประมงในประเทศไทย
สหกรณ์ไทย ...คืนกำไรสู่สมาชิก 80.52 %
สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ และแนวโน้ม ปี 2568
สถานการณ์การค้าข้าวไทยและการรวบรวมผลิตผลข้าวเปลือกของภาคสหกรณ์์ไทยปี 2567
สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีส่วนขาดแห่งทุน
หนี้ที่ชำระไม่ได้ตามกำหนด/NPL ภาคสหกรณ์ไทย ในไตรมาส 2/2567
สุขภาพทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์
จำนวนคนอ่าน 22400 คน จำนวนคนโหวต 7 คน

  จำนวนคนโหวต 7 คน
โหวตคะแนนให้ข่าว/บทความนี้
1 2 3 4 5

  ระดับ 

  ให้ 1 คะแนน
 
43%
  ให้ 2 คะแนน
0%
  ให้ 3 คะแนน
0%
  ให้ 4 คะแนน
0%
  ให้ 5 คะแนน
 
57%
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel