Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 
                 

               

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ สถาปนา
ครบรอบ 69 ปี สร้างความเข้มแข็ง
ด้านการเงินการบัญชี นำขบวนการ
สหกรณ์ไทยสู่ความโปร่งใส
เข้มแข็ง ยั่งยืน

     กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จัดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ครบ
รอบ 69 ปี โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ เป็นประธานในพิธี พร้อมมอบโล่รางวัลและประกาศเกียรติคุณบุคลากรดีเด่น
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ประจำปี พ.ศ. 2563 ซึ่งคัดเลือกจากข้าราชการ ลูกจ้างประจำ
และพนักงานราชการ ผู้มีความประพฤติปฏิบัติอันเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งในด้านการครอง
ตน ครองคน ครองงาน การปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม การมีจิตสาธารณะ และมีผล
การปฏิบัติงานที่ดีเด่นเป็นผลดีแก่ราชการ จำนวนทั้งสิ้น 36 ราย โดยมีนายโอภาส ทอง
ยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ นายพจน์ภิรัชต์ เนียมจุ้ย รองอธิบดี กรมตรวจบัญชี
สหกรณ์ นางสาวอัญมณี ถิรสุทธิ์ รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ผู้บริหาร ข้าราชการ
และเจ้าหน้าที่ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ให้การต้อนรับ ณ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
กรุงเทพฯ

     ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันเกษตรกรและ
เศรษฐกิจฐานราก เพื่อช่วยเสริมสร้างอำนาจการต่อรอง ส่งเสริมการแปรรูปสินค้า เพิ่มมูลค่าให้กับ
ผลิตภัณฑ์การเกษตร เชื่อมโยงตลาดเกษตรกร สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในชุมชน รวมทั้งยก
ระดับความรู้ความสามารถบุคลากรเพื่อรองรับการพัฒนาสถาบันเกษตรกร กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้มแข็ง
ด้านการเงินการบัญชีให้กับสถาบันเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการ
พัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมีภารกิจในการตรวจสอบบัญชี
กำหนดระบบบัญชีและมาตรฐานการสอบบัญชี พร้อมทั้งควบคุมคุณภาพงานสอบบัญชี เพื่อให้
คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์และ กลุ่มเกษตรกร สามารถนำผลการตรวจสอบบัญชีและข้อ
สังเกตของผู้สอบบัญชีไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงการบริหารจัดการและอำนวยประโยชน์แก่
มวลสมาชิกโดยรวม พร้อมทั้งสนับสนุนการให้ความรู้ คําแนะนํา ด้านการเงินการบัญชีแก่สหกรณ์
และกลุ่มเกษตรกร เพื่อประโยชน์ของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั้งประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน
มีสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ประมาณ 12.80 ล้านคน มีทุนดำเนินงานกว่า 3.56 ล้านล้าน
บาท และมีมูลค่าดำเนินธุรกิจสูงถึง 2.23 ล้านล้านบาท จึงเป็นกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมของประเทศและมีส่วนสำคัญ ในการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจฐานรากได้ ตลอดจน
การดำเนินการสนับสนุนองค์ความรู้ทางบัญชีสู่เกษตรกรและประชาชน ให้สามารถทำบัญชีได้ ใช้
บัญชีเป็น ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคการเกษตร ที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพด้านการประกอบ
อาชีพเกษตรกรรมให้เกษตรกรได้อย่างมั่นคง สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเอง ทำให้รู้จักความพอ
มี พอกิน พอใช้ คำนึงถึงหลักเหตุผลและการประมาณตนเอง อันเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนิน
ชีวิต สามารถปรับเปลี่ยนอาชีพให้เกิดความมั่นคง และเป็นโอกาสในการต่อยอดสู่การพัฒนาที่
ยั่งยืน นำมาสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเกิดภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจ
    ด้านนายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า กรมตรวจบัญชี
สหกรณ์ ได้กำหนดกรอบทิศทางการทำงาน ให้สอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมายการพัฒนา
งานที่สำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครอบคลุมภารกิจหลักของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
โดยบูรณาการขับเคลื่อนการส่งเสริมการทำบัญชีให้กับเกษตรกร ในโครงการต่าง ๆ ของกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ครบรอบการสถาปนา
ปีที่ 69 ซึ่งนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้
มอบนโยบายให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยืนหยัดในการดำเนินงานตามภารกิจเสริมสร้างความเข้ม
แข็งด้านการเงินการบัญชีที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ ให้กับสหกรณ์และเกษตรกร โดยเน้นย้ำใน 3
ประเด็น คือ
    ประเด็นที่ 1 การตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยเร่งพัฒนางานตรวจสอบ
บัญชีให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร สามารถจัดทำบัญชีและงบการเงินได้ พร้อมทั้งควบคุม
คุณภาพงานสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพและตามที่ระเบียบกรมตรวจ
บัญชีสหกรณ์กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้รับการตรวจสอบบัญชี
อย่างโปร่งใส ปราศจากการทุจริต สามารถนำผลการตรวจสอบบัญชีและข้อสังเกตจากผู้สอบบัญชี
ไปแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้การบริหารจัดการของสหกรณ์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือเป็น
เครื่องยืนยันให้สมาชิกสหกรณ์หรือ กลุ่มเกษตรกรได้รับทราบข้อเท็จจริงว่าผลประกอบการของ
สหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่นั้นเป็นอย่างไร มีความถูกต้อง เชื่อถือได้ หรือมี
ผลประกอบการดีหรือไม่ ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกทุกคนว่า ได้รับการดูแลจาก
สหกรณ์เป็นอย่างดี และได้รับผลประโยชน์ที่พึงได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม
     ประเด็นที่ 2 การให้ข้อแนะนำกำกับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยให้ผู้สอบบัญชีสหกรณ์
ตรวจสอบ การดำเนินงานของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรอย่างเคร่งครัด หากตรวจพบข้อบกพร่อง
ใด ๆ ให้เร่งให้คำแนะนำหรือชี้แนะ แนวทางการแก้ไขปัญหา ข้อบกพร่องต่าง ๆ เพื่อที่สหกรณ์จะ
ได้นำไปปรับปรุงแก้ไข ก่อนจะเกิดความเสียหายในอนาคต เป็นการลดความเสี่ยงของสมาชิก
พร้อมชี้แนะช่องทางธุรกิจสหกรณ์ที่มีความคุ้มค่าต่อการลงทุน เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ ตลาด
และการลงทุนในปัจจุบัน เพื่อให้การดำเนินงานของสหกรณ์มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใสและ
เป็นที่พึ่งให้กับสมาชิกอย่างแท้จริง
     ประเด็นที่ 3 การถ่ายทอดองค์ความรู้และส่งเสริมการจัดทำบัญชี ทั้งบัญชีครัวเรือน บัญชี
ต้นทุนอาชีพ รวมไปถึงบัญชีธุรกิจ ไปในทุกกลุ่มเป้าหมาย ให้มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้
โดยให้กรมฯ เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลสอนแนะ การทำบัญชีให้เกษตรกร ได้มีความรู้และเข้าใจในการ
นำระบบบัญชีไปใช้ในการบริหารจัดการภาคการเกษตร รู้รายรับ รายจ่าย รู้เวลาที่เหมาะสม มอง
เห็นช่องทางในการลดต้นทุนการผลิต ลดรายจ่าย ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและผลิตได้อย่าง
สมดุลตามกำลังของตนเองและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ช่วยส่งเสริมการออมและ
สร้างวินัยทางการเงินที่ดี อันเป็นการช่วยให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตน
เองได้ และต่อยอดไปถึงการทำบัญชีธุรกิจไปยังระดับกลุ่มสหกรณ์และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้
กว้างขวางขึ้น เนื่องจากการทำบัญชีธุรกิจจะเป็นกระจกในการสะท้อนข้อมูล ด้านสภาพแวดล้อม
ต้นทุน ตลาด ราคาผลผลิต ไปจนถึงมูลค่าสินค้าที่แปรผันในแต่ละห้วงเวลา รวมทั้งสร้างเสริมองค์
ความรู้ทางบัญชีสู่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ให้ได้เรียนรู้การจัดทำบัญชี เพื่อใช้เป็นข้อมูลใน
การประเมินและวางแผนการ จัดระเบียบรายรับ-รายจ่าย สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างเป็น
รูปธรรม โดยมีบัญชีเป็นภูมิคุ้มกันและคู่มือชีวิต ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์เศรษฐกิจในยุคปัจจุบันที่
จำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างมีสติ ไม่ประมาท พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอด
เวลา 
     ทั้งนี้ นโยบายทั้ง 3 ประเด็น เป็นเรื่องสำคัญกับความมั่นคงของระบบสหกรณ์และคุณภาพ
ชีวิตของเกษตรกร และประชาชน ซึ่งกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ น้อมรับนโยบายมาสู่การปฏิบัติ
งานอย่างเร่งด่วน โดยยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการดำเนินงาน ตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ คือ "ภายใน
ปี 2565 สหกรณ์และเกษตรกรมีความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชีที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้” ทั้งใน
ด้านการพัฒนาความเช้มแข็งด้านการเงินการบัญชีแก่สหกรณและสถาบันเกษตรกร โดยการตรวจ
สอบบัญชีและแสดงความเห็นต่องบการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรตามมาตรฐานการสอบ
บัญชีและระเบียบ ที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์กำหนด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับสมาชิก
และผู้ใช้งบการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง การส่งเสริมและพัฒนา
ศักยภาพการจัดทำบัญชีแก่เกษตรกร โดยสอนจัดทําบัญชีครัวเรือน บัญชีต้นทุนอาชีพ และบัญชี
ธุรกิจแก่เกษตรกรและประชาชนทั่วไป พร้อมส่งเสริมการใช้แอปพลิเคชัน Smart Me ช่วยในการ
บันทึกบัญชีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว สามารถนำข้อมูลทางบัญชีมาใช้วิเคราะห์ เพื่อเพิ่มรายได้ ลด
รายจ่าย ลดต้นทุนจากการประกอบอาชีพและสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน สร้างวินัยใน
การใช้จ่ายและสร้างความเคยชินในการออม ปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีด้านการใช้จ่ายแก่เด็กและ
เยาวชนไปจนถึงสมาชิกในครอบครัว นำมาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาและเพิ่ม
ประสิทธิภาพระบบศูนย์ข้อมูลสารสนเทศทางการเงินของสหกรณ์ การพัฒนาโปรแกรมระบบบัญชี
สหกรณ์ ให้มีประสิทธิภาพ ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและมีความพร้อมการใช้งานได้ต่อ
เนื่อง รวมไปถึงการพัฒนาเจ้าหน้าที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ สู่ความเป็นมืออาชีพ เตรียมความ
พร้อมสู่การปรับเปลี่ยนเป็นองค์กรดิจิทัลในอนาคตสอดคล้องกับเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ ใน
ระดับชาติต่อไป.
 
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel