|
|

|
แหล่งที่มา : นาง สุมิตรา ณ สุวรรณ นักวิชาการตรวจสอบบัญชี 8
|
ปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน เป็นปัญหารากฐานที่สำคัญของคนในชนบท เนื่องจากที่ดินเป็นสิ่งที่แสดงถึงความมั่นคงในชีวิต ทั้งทางด้านการอยู่อาศัยและการทำมาหากิน หากคนในชนบทไม่มี ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินแล้ว จะก่อให้เกิดปัญหาอื่นตามมาอันได้แก่การขาดรายได้ ความไม่มั่นคง ในอาชีพ ส่งผลให้เกิดการอพยพเข้าสู่เมืองของคนในชนบทเพื่อเข้ามาหางานทำซึ่งจะทำให้เกิดความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัยเป็นวงวัฏจักรอีกเช่นเดิมที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคืออาจก่อให้เกิดเป็นปัญหาสังคมฝังลึก เกินกว่าที่จะแก้ไขได้
แม้ว่าภาครัฐจะได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาด้านความมั่นคงในที่อยู่อาศัยของประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง จึงเกิดการรวมตัวของกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยและอาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกันเพื่อจดทะเบียนเป็นสหกรณ์เคหสถานตามโครงการบ้านมั่นคง โดยชุมชนจะเป็นแกนหลักในการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมกับภาคีต่างๆ ในท้องถิ่นภาครัฐจะอุดหนุนเงินงบประมาณค่าพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และสิ่งแวดล้อมแก่ชุมชน ซึ่งนอกจากจะเน้นการสร้างความมั่นคงในเรื่องที่อยู่อาศัยแล้ว ยังมุ่งสร้างสังคมให้เป็นชุมชนที่มั่นคงเข้มแข็ง มีการช่วยเหลือเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่ การสร้างความมั่นคงของชีวิตด้านสังคมและเศรษฐกิจแก่ชาวชุมชนในที่สุด อย่างไรก็ตามการดำเนินงานของสหกรณ์ภายใต้สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองในปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งความผันผวน ทางเศรษฐกิจ ความขัดแย้งในสังคมการแข่งขันอย่างรุนแรง และความไม่แน่นอนทางการเมืองสหกรณ์ย่อมได้รับผลกระทบโดยตรงทั้งภาวะเงินเฟ้อ นโยบายการเงินของรัฐบาลในส่วนของอัตราดอกเบี้ย นโยบายในการให้ความช่วยเหลือแก่สหกรณ์ซึ่งขึ้นอยู่กับเสถียรภาพของรัฐบาล นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมภายในสหกรณ์ไม่ว่าจะเป็นสมาชิก คณะกรรมการดำเนินการ หรือฝ่ายจัดการก็ยังจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินงานด้วยเช่นกัน เมื่อได้พิจารณาถึงความเสี่ยงในภาพรวมของสหกรณ์เคหสถานทั่วประเทศ (สำหรับสหกรณ์เคหสถานตามโครงการบ้านมั่นคงจัดรวมอยู่ในสหกรณ์ประเภทนี้ด้วย) สามารถแยกออกเป็น 2 ปัจจัย คือ |
ความเสี่ยง (RISK) หมายถึง โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดความเสียหาย การรั่วไหล ความสูญเปล่า หรือเหตุการณ์ซึ่งไม่พึงประสงค์ที่ทำให้งานไม่ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด หากหน่วยงานยังขาดความสามารถในการบริหารจัดการ และไม่มีการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงขึ้นในองค์กร ซึ่งมักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความล่าช้า ความสิ้นเปลือง ความสูญเปล่าความไม่ประหยัด มีข้อบกพร่อง เกิดข้อผิดพลาด มีการรั่วไหล มีการทุจริตประพฤติมิชอบ และมีเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์ | |
1. สภาพแวดล้อมภายใน สหกรณ์เคหสถานจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของสมาชิกให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ปัจจัยเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมภายในที่มีผลกระทบต่อสหกรณ์เคหสถานที่สำคัญสามารถวิเคราะห์ได้ ดังนี้
|
-
โครงสร้าง แม้ว่าสหกรณ์เคหสถานจะมีโครงสร้างที่ชัดเจน มีการแบ่งส่วนงาน การแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบโดยยึดหลักการควบคุมภายในที่ดีไว้ก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติสหกรณ์มีข้อจำกัด ในเรื่องของทุนดำเนินงานและการดำเนินงานในระยะเริ่มแรกทำให้ไม่สามารถจัดจ้างเจ้าหน้าที่เข้ามาปฏิบัติงานในตำแหน่งต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ในโครงสร้างได้ครบถ้วนทุกตำแหน่ง ซึ่งสหกรณ์ได้แก้ไขจุดอ่อนจากการควบคุมภายใน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการมาทำหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ ที่กำหนดไว้ ตัวอย่างเช่นมอบหมายให้เหรัญญิกมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงิน หรือมอบหมายให้เลขานุการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บัญชี ทั้งนี้ ตำแหน่งงานบางตำแหน่งต้องอาศัยความรู้ความสามารถและทักษะในการปฏิบัติงาน จึงทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการใช้ข้อมูลสารสนเทศทางการเงินเพื่อตัดสินใจในการดำเนินงานของสหกรณ์ได้ทันต่อเหตุการณ์
-
การบริหารจัดการ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากฝ่ายบริหารของสหกรณ์เคหสถาน ได้แก่ กรณีที่กรรมการซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารแต่ขาดความรู้ ความเข้าใจในระบบสหกรณ์ หรืออำนาจในการบริหารงานอยู่ที่กรรมการคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อาจทำให้การสั่งการ การตัดสินใจในการบริหารงานกระทบต่อผลการดำเนินงานของสหกรณ์ได้ และที่สำคัญอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นจากสมาชิกและบุคคลภายนอกได้
-
บุคลากร จากการที่สหกรณ์เคหสถานมุ่งเน้นในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการจัด ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ประกอบกับหากเป็นสหกรณ์จัดตั้งใหม่ยังขาดเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการดำเนินงานในสหกรณ์ด้วยแล้วนั้น ทำให้สหกรณ์ไม่สามารถจัดจ้างเจ้าหน้าที่ได้ครบถ้วนทุกตำแหน่ง อีกทั้งการจัดทำบัญชีของสหกรณ์ ยังต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ของทางราชการมาช่วยเหลือในการบันทึกบัญชีและจัดทำบัญชีย่อยต่างๆ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการจัดทำงบการเงินของสหกรณ์ สหกรณ์ไม่สามารถนำข้อมูลในงบการเงินมาใช้ในการบริหารจัดการได้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
-
การเงินการบัญชี แม้ว่าสหกรณ์จะกำหนดให้มีการแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบระหว่างเจ้าหน้าที่การเงินและเจ้าหน้าที่บัญชี แต่ด้วยข้อจำกัดของเงินทุนทำให้ไม่สามารถจัดจ้างเจ้าหน้าที่ได้ครบถ้วนตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ในโครงสร้างของสหกรณ์ บางแห่งมีการจัดจ้างเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวทำหน้าที่ทั้งการรับเงิน การจ่ายเงิน และเก็บรักษาเงินของสหกรณ์ พร้อมกับการบันทึกบัญชีด้วย สหกรณ์จึงมีความเสี่ยงทางด้านการเงินได้ |
2. สภาพแวดล้อมภายนอก ในการดำเนินงานของสหกรณ์เคหสถานย่อมได้รับผลกระทบ จากสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งปัจจัยเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมภายนอกที่สำคัญสามารถวิเคราะห์ได้ ดังนี้ |
-
นโยบายรัฐ นโยบายของรัฐบาลที่มุ้งเน้นในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในเรื่องที่อยู่อาศัยและสร้างโอกาสการพัฒนาในชุมชนแออัดทั่วประเทศ มุ่งสร้างสังคมชุมชนที่มั่นคงเข้มแข็ง นำไปสู่การสร้างความมั่นคงของชีวิตด้านสังคมและเศรษฐกิจแก่ชาวชุมชน แต่หากรัฐบาลขาดเสถียรภาพทางการเมืองแล้วจะส่งผลให้การดำเนินงานดังกล่าวไม่ต่อเนื่อง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) อาจจะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อนำไปดำเนินการให้สินเชื่อแก่สหกรณ์ หรือมีการเบิกจ่ายเงินล่าช้า ทำให้การจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่สหกรณ์ไม่ต่อเนื่องไปด้วย อันจะทำให้สหกรณ์เกิดความเสี่ยงในการขาดสภาพคล่องทางการเงินได้
-
เศรษฐกิจ แม้ว่าสหกรณ์เคหสถานจะได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เป็นเงินกู้ระยะยาว จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ก็ตาม แต่ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจเช่นนี้ สหกรณ์ย่อมได้รับผลกระทบตามไปด้วยเนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้น อีกทั้งค่าแรงงานก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แม้ว่าการก่อสร้างบางกรณีสมาชิกในสหกรณ์จะช่วยกันดำเนินการก่อสร้างเองก็ตาม ทำให้เกิดความเสี่ยงให้การก่อสร้างที่อยู่อาศัยไม่สำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้
-
สังคม สังคมไทยในปัจจุบันเป็นครอบครัวเชิงเดี่ยว ความผูกพันในครอบครัวมีน้อยเพราะต่างต้องรับผิดชอบในการทำงานซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาครอบครัวแตกแยก บุคคลในครอบครัวขาดความอบอุ่น มีปัญหาด้านคุณธรรมจริยธรรม รวมถึงมีความขัดแย้งทางความคิดสูงก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในสังคมอย่างกว้างขวาง สหกรณ์เคหสถานบางแห่งเกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการแก้ไขปัญหาในเรื่องที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ที่มีรายได้น้อย และสร้างโอกาสการพัฒนาในชุมชนแออัดทั่วประเทศ สมาชิกของสหกรณ์จึงมีพื้นฐานทางครอบครัวต่างกัน การขาดวินัยทางการเงินของสมาชิก ทำให้ไม่ชำระหนี้เงินกู้ หรือค่างวดเช่าซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนดซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาต่อการบริหารการเงินในสหกรณ์อันจะกระทบต่อผลการดำเนินงานของสหกรณ์ทำให้สหกรณ์ขาดสภาพคล่องทางการเงินได้
-
คู่แข่งขันทางการตลาด นโยบายการแก้ไขปัญหาทางด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาลนั้นยังมีโครงการบ้านเอื้ออาทรที่มีการเคหะแห่งชาติรับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างทั้งอาคารชุดและบ้านแนวราบเพื่อขายให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเช่นกัน สำหรับประชาชนที่ซื้อบ้านของ การเคหะแห่งชาติสามารถขอใช้สินเชื่อได้จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ดังนั้น หากสหกรณ์เคหสถานไม่สามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ กล่าวคือ หากชุมชนไม่เข้มแข็งไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ สมาชิกไม่มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หรือการบริหารงานของฝ่ายบริหารขาดความน่าเชื่อถือ อาจทำให้สมาชิกหวาดระแวงไม่ไว้วางใจต่อการบริหารงานของคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์แล้ว สมาชิกอาจจะลาออกเพื่อไปซื้อบ้านหรืออาคารชุดของโครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งหากสมาชิกพร้อมใจกันลาออกก็จะเกิดความเสี่ยงต่อการดำรงอยู่ของสหกรณ์ได้
-
กฎหมาย ในการจัดสรรที่ดินของสหกรณ์เคหสถานตามโครงการบ้านมั่นคงเป็นการดำเนินการตามโครงการของรัฐบาลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตจัดสรรที่ดินก่อนดำเนินการ นอกจากนี้สหกรณ์ยังได้รับการผ่อนผันหรือยกเว้นในบางกรณีอีก เช่น การผ่อนปรนกฎหมายควบคุมอาคาร การได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมในการโอนที่ดิน หรือค่าธรรมเนียมในการทำนิติกรรมจำนองค้ำประกันเงินกู้กับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) เป็นต้น ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการดำเนินงานของสหกรณ์ให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการให้ผู้ที่มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองนั้น ทั้งนี้ หากสหกรณ์มีการดำเนินธุรกิจที่นอกเหนือจากการได้รับการผ่อนผันหรือยกเว้น สหกรณ์จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายด้วย ตัวอย่างเช่น สหกรณ์รับก่อสร้างบ้านให้แก่สมาชิก ซึ่งตามประมวลรัษฎากรถือว่าเป็น การให้บริการ หากสหกรณ์เป็นผู้มีเงินได้ ตามระบบภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการขายสินค้าหรือให้บริการที่มีรายรับตั้งแต่ 1,800,000.- บาทขึ้นไป มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้ใช้อัตราภาษีร้อยละ 7 ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมกับปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด ซึ่งหากมีการละเว้นสหกรณ์อาจถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง พร้อมกับเบี้ยปรับและเงินเพิ่มได้ ดังนั้น สหกรณ์จึงต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องสำหรับกรณีที่ไม่ได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผัน ซึ่งหากมีการละเว้น ไม่ปฏิบัติตามแล้วกฎหมายได้มีบทกำหนดโทษไว้อย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสหกรณ์ในระยะยาวได้ |
ดังนั้น เพื่อให้การบริหารงานของสหกรณ์ประสบผลสำเร็จอันจะเป็นประโยชน์ต่อมวลสมาชิก และบรรลุวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม สหกรณ์ควรได้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าว ซึ่งบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการจัดการความเสี่ยงให้ลดลงได้นั้น คือ
สมาชิก สมาชิกสหกรณ์เป็นทั้งเจ้าของสหกรณ์และผู้รับบริการจากสหกรณ์ การดำรงอยู่ของสหกรณ์จึงขึ้นอยู่กับสมาชิกเป็นสำคัญ ดังนั้น สมาชิกจะต้องเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเอง ในฐานะเจ้าของสหกรณ์สมาชิกจะต้องให้ความสำคัญในการเข้าร่วมประชุมใหญ่เพื่อรับทราบผลการดำเนินงาน กำหนดนโยบาย คัดเลือกคณะกรรมการ ผู้ตรวจสอบกิจการ อนุมัติงบการเงินและแผนงาน งบประมาณประจำปี และที่สำคัญสมาชิกจะต้องมีวินัยต่อตนเองทั้งในการออมเงินและการจ่ายชำระหนี้คืนแก่สหกรณ์ ในฐานะผู้ใช้บริการของสหกรณ์ หากสหกรณ์มีกระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้วจะเป็นผลให้สหกรณ์มีสภาพคล่องทางการเงินสามารถนำเงินไปชำระหนี้เงินกู้ได้ตามกำหนดสัญญา พร้อมกับมีเงินทุนสำหรับบริหารจัดการในสหกรณ์ได้อย่างเพียงพอด้วย เพื่อที่จะอำนวยประโยชน์ให้แก่สมาชิกและท้ายที่สุดผลประโยชน์ที่ได้รับก็จะกลับคืนมาสู่สมาชิกหรือชุมชนสหกรณ์นั่นเอง อีกทั้งสมาชิกควรยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีวิต กล่าวคือ การให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยแบบพอเพียง โดยยึดหลักพออยู่ พอกิน พอใช้ ไม่ใช้จ่ายเกินตัว เกินฐานะที่หามาได้ควบคู่ไปกับการมุ่งลดรายจ่าย หารายได้เพิ่มอย่างต่อเนื่องและหลีกเลี่ยงการก่อหนี้เพิ่ม ซึ่งเมื่อสมาชิกเกิดความพอดี และมีจิตใจเข้มแข็ง มีจิตสำนึกที่ดี มองโลกในแง่ดี มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม หรือชุมชนสหกรณ์เป็นที่ตั้ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ ส่งผลให้เกิดความพอดีทางด้านสังคม ทำให้เป็นสังคมที่เอื้ออาทรต่อกัน มีความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รู้รักสามัคคี อันจะทำให้เกิดความเข้มแข็งแก่ครอบครัวและชุมชนได้อย่างมั่นคงตลอดไป
คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาส่งผลให้ผู้บริหารต้องสร้างวิสัยทัศน์และปรับเปลี่ยนแนวทางในการบริหารงานให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ ซึ่งสมาชิกเลือกขึ้นมาเป็นตัวแทนของตนในการบริหารงานของสหกรณ์ ต้องมีความรับผิดชอบในการบริหารจัดการ และดำเนินการทั้งปวงของสหกรณ์ให้มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อสมาชิกและสหกรณ์ เพื่อให้เกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืน ดังนั้น คณะกรรมการต้องปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่สมาชิก มีคุณธรรม มีความรับผิดชอบ มีความเสมอภาคในการให้บริการ ยินดีที่จะเปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย และตรวจสอบการทำงานของกรรมการได้มากขึ้น เพื่อให้การบริหารงานของสหกรณ์มีประสิทธิภาพพร้อมกับให้มีการติดตามประเมินผลการบริหารงานเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง การสนับสนุนให้สหกรณ์มีระบบการควบคุมภายในที่ดีและเพียงพอต่อการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ รวมทั้งการสรรหาฝ่ายจัดการที่มีความรู้ความสามารถมีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานตามระบบ และปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งคณะกรรมการต้องรู้จักใช้ข้อมูลทางบัญชีในการบริหารงานเพื่อช่วยในการตัดสินใจ และสามารถกำหนดนโยบาย แผนงาน งบประมาณ ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมายเนื่องจากการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่สหกรณ์จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไป
เจ้าหน้าที่สหกรณ์ เจ้าหน้าที่สหกรณ์ถือเป็นตัวจักรสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้การดำเนินงานของสหกรณ์เป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น สหกรณ์ควรได้มีการคัดเลือกบุคคลที่มีทักษะ ความรู้ ความสามารถและความชำนาญเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ให้เหมาะสมกับตำแหน่ง พร้อมทั้งกำหนดค่าตอบแทนและสวัสดิการต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีขวัญและกำลังใจในการทำงาน และวางแผนในการพัฒนาเจ้าหน้าที่เพื่อให้มีความสามารถ และทักษะในการทำงานเพิ่มมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหกรณ์จะต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีการปฏิบัติงานเป็นไปตามนโยบาย กฎ ข้อบังคับ มติ และระเบียบปฏิบัติต่างๆ ที่สหกรณ์กำหนด รวมถึงการดูแลและใช้สินทรัพย์ต่างๆ ของสหกรณ์อย่างเหมาะสม คุ้มค่า และเกิดประโยชน์ต่อสมาชิกซึ่งเป็นเจ้าของสหกรณ์ให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตามการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสหกรณ์นั้นต้องได้รับการบูรณาการร่วมกันทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความมั่นคงในที่อยู่อาศัย เป็นการสร้างสังคมให้เป็นชุมชนที่มั่นคงเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ โดยการช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยวิธีการสหกรณ์ อันจะนำไปสู่สังคมแห่งความรักความเอื้ออาทร สร้างความมั่นคงของชีวิตทั้งทางด้านสังคมและเศรษฐกิจแก่ชาวชุมชนในสหกรณ์ และเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนของสหกรณ์ตลอดไป
| |
|
|
สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889 |
|
 |

|
 |
|
การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel |
|