 |
ที่มา : เพยาว์ กิมปฐม
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายศุภชัย โพธิ์สุ) กล่าวไว้น่าคิดว่า กลไกของสถาบันเกษตรกรเป็นการจัดการตามข้อกฎหมายภายใต้บันไดแนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ตามขั้นตอนพึ่งตนเอง ร่วมคิดร่วมทำ รวมกลุ่มเพื่อพึ่งพาสู่ความยั่งยืน
อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ (นายอนันต์ ภู่สิทธิกุล) กล่าวต่อว่า ธุรกิจของ สหกรณ์ต้องได้รับการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือสมาชิก พร้อมมุ่งสร้างสรรค์ชุมชนบนพื้นฐานการให้ที่มีมาตรฐานการบัญชี โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้
จากคำกล่าวข้างต้นคงจะยังไม่เข้าใจและเห็นภาพตามได้ แต่หากมองผ่านบทพิสูจน์ภาคเกษตรพึ่งพากลไกการร่วมกลุ่มช่วงวิกฤต ปี 49-51 น่าจะสะท้อนภาพและเป็นบทพิสูจน์สนับสนุนเน้นย้ำคำกล่าวนั้นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนี้
วิกฤตเศรษฐกิจภาคการเกษตรไทย ช่วงปี 2549-2551 ก่อให้เกิดผลกระทบโดยสถาบันการเงินต่างประเทศลงทุนในสินทรัพย์ด้อยสิทธิ์หรือตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง ส่งผลให้ระบบธนาคารล้มละลายหลายแห่งปิดตัวลงไม่ปล่อยกู้ รัฐต้องใช้นโยบายการเงินปรับลดอัตราดอกเบี้ยลดหลายครั้งติดต่อกันมากเป็นประวัติการณ์ คนตกงาน/ว่างงานต่อเนื่อง หนี้ NPL สูง น้ำมันและปุ๋ยเคมีมีราคาแพงส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ประชาชนขาดกำลังซื้อบริโภคลดลง ปัญหาโรคระบาดที่มีผลต่อสุขภาพ ประกอบกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไม่สงบ ส่งผลการส่งออกและการท่องเที่ยวติดลบต่อเนื่อง
พ.ร.บ./ข้อกฎหมายว่าด้วยสถาบันเกษตรกร (การรวมกลุ่ม)
พ.ร.บ. สหกรณ์ พ.ศ. 2542 (เริ่มใช้ พ.ศ. 2511) ว่าด้วยการร่วมดำเนินการกลุ่ม เน้นประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม ใช้หลักช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดำเนินธุรกิจ โดยยึดประโยชน์ของสมาชิกเป็นสำคัญ
พ.ฎ.ก. กลุ่มเกษตรกร พ.ศ. 2547 (เริ่มใช้ตามประกาศคณะปฏิวัติ ปี 2515) ว่าด้วยการรวมตัวจัดตั้งโดยกลุ่มบุคคลประกอบอาชีพเกษตรกร ใช้หลักช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม
6 ประเด็นหลัก ภาวะเศรษฐกิจสถาบันเกษตรกรช่วงวิกฤต ปี 2549-51
6.1 จำนวนสถานบันเกษตรกร เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.25 จาก 7,846 แห่ง เป็น 7,866 แห่ง ส่วนจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น 411,982 คน หรือร้อยละ 6.50 จาก 6.34 ล้านคน เป็น 6.75 ล้านคน ในปี 2551
6.2 ทุนดำเนินงาน เพิ่มขึ้น 17,946.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.69 จาก 96,005.56 ล้านบาท เป็น 113,952.40 ล้านบาท แยกเป็นทุนภายในเพิ่มขึ้น 14,445.10 ล้านบาท และทุนภายนอกเพิ่มขึ้น 3,501.74 ล้านบาท
6.3 5 ธุรกิจหลักของสถาบันเกษตรกร ปริมาณ 5 ธุรกิจหลักของสถาบันเกษตรกรเพิ่มขึ้น 47,535.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.69 จาก 145,433.97 ล้านบาท เป็น 192,969.19 ล้านบาท ในปี 2551
6.4 รายได้-ค่าใช้จ่าย-กำไร ผ่านสถาบันเกษตรกร รายได้รวมเพิ่มขึ้นจำนวน 31,067.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.89 /รายจ่ายรวม 117,436.71 ล้านบาท ในปี 2551/ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเช่นกันจำนวน 871.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 48.34
6.5 เงินออม/หนี้สินสมาชิกสถาบันเกษตรกร เงินออมเฉลี่ยต่อคนเพิ่มขึ้น 916 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.13 จาก 6,973 บาท เป็น 7,889 บาท /หนี้สินเฉลี่ยต่อคนเพิ่มขึ้น 2,059 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.59 จาก 9,541 บาท เป็น 11,600 บาท ในปี 2551
6.6 การควบคุมภายในของสถาบันเกษตรกรที่ผ่านมามีการพัฒนาดีขึ้น ระดับดีมาก-ดีเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.46 และระดับควรปรับปรุงลดลงร้อยละ 20.30
เมื่อลองคิดตามจากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจภาคการเกษตรช่วงปี 2549-2551 กับเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ./ข้อกฎหมายว่าด้วยสถาบันเกษตรกร(การรวมกลุ่ม) ผ่านกลไกทางบัญชีใน 6 ประเด็นหลักภาวะเศรษฐกิจทางการเงินช่วงวิกฤต ปี 2549-2551 พบว่า ธุรกิจสถาบันเกษตรกรยังคงมีการพัฒนาที่ดีขึ้นและมีแนวโน้มในทิศทางเชิงบวก นั่นย่อมเป็นบทสรุปหรือบทพิสูจน์ได้ว่ากลไกการพึ่งพาตนเอง ร่วมคิดร่วมทำ ร่วมกลุ่ม ผ่านกลไกทางบัญชีที่ได้มาตรฐาน โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้นั้น เป็นบททดสอบที่ดีให้สถาบันเกษตรกร สามารถผ่านช่วงวิกฤติได้อย่างเข้มแข็ง ดังนั้นอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้กำหนด 3 มาตรการหลักสำคัญเพื่อรองรับสถานการณ์ในปี 2552-53 ภายใต้ข้อจำกัด เพื่อสนับสนุนสถาบันเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป ดังนี้
มาตรการที่ 1
จำเป็นต้องเน้นการกำกับดูแลสถาบันสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เพื่อเร่งรัด/กำกับการตรวจสอบบัญชีตามเป้าหมาย /การจัดการกรณีตรวจสอบบัญชีไม่ได้/การแก้ไขข้อบกพร่อง/ข้อร้องเรียน/ความร่วมมือผู้ตรวจสอบกิจการ มาตรการที่ 2
พิจารณาดำเนินการนำร่องสร้างสหกรณ์ต้นแบบ เพื่อผลักดันและสนับสนุนการสร้างวินัยการ สหกรณ์/วินัยทางการเงินของสมาชิก
มาตรการที่ 3
ร่วมมือกับสถาบันเกษตรกรสร้างความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ ใน 7 ประเด็นสำคัญ เพื่อสร้างมาตรฐานการบัญชีสถาบัน (Audit/Account)/ การสร้างเครื่องมือสารสนเทศ (IT/เตือนภัย)/การสร้างความร่วมมือผู้ตรวจสอบกิจการ ผู้สอบบัญชี และสหกรณ์ (WWR)/ การสร้างภูมิปัญญาทางบัญชีสมาชิก/การสร้างเครือข่ายธุรกิจวิสาหกิจชุมชน/สร้างความสนใจเกษตรกรรุ่นใหม่(นักเรียน)/สร้างอาสาสมัครและครูบัญชีอาสา
|
5 ธุรกิจหลักของสถาบันเกษตรกร ปี 2549-51
|
รายการ
|
ปี 2549
|
ปี 2550
|
ปี 2551
|
เพิ่ม/ลด
|
จำนวน (แห่ง) |
7,846 |
8,100 |
7,866 |
20 |
สมาชิก |
6337510 |
6525431 |
67494927 |
411982 |
ทุนดำเนินงาน (ล้านบาท) |
96,005.56 |
107,681.29 |
113,952.40 |
17,946.84 |
ลงทุนให้สินเชื่อ (ล้านบาท) |
64,104.76 |
72,698.97 |
77,938.07 |
13,833.31 |
5 ธุรกิจหลัก (ล้านบาท) |
145,433.97 |
178,924.52 |
192,969.19 |
47,535.22 |
รับฝากเงิน
ให้สินเชื่อ
จัดหาสินค้ามาจำหน่าย
รวบรวมผลผลิต/แปรรูป
ให้บริการ |
32,372.20
35,798.55
33,827.98
43,010.13
425.11 |
34,998.61
39,785.51
39,473.78
64,252.94
413.68 |
38,505.94
43,439.28
44,034.04
66,252.94
428.03 |
6,133.74
7,640.73
10,206.06
23,551.77
2.92 |
รายได้-ค่าใช้จ่าย-กำไร ของสถาบันเกษตรกร ปี 2549-51 |
ผลการดำเนินงาน
|
ปี 2549 |
ปี 2550 |
ปี 2551 |
เพิ่ม/ลด |
รายได้รวม (ล้านบาท)
|
89,043.93 |
111,192.47 |
120,111.10 |
31,067.17 |
รายจ่ายรวม (ล้านบาท)
|
87,271.06 |
109,212.26 |
117,436.71 |
30,195.65 |
กำไรสุทธิ (ล้านบาท)
|
1,802.88 |
1,980.21 |
2,674.39 |
871.51 |
เงินออมเฉลี่ย (บาท/คน)
|
6,972.98 |
7,451.69 |
7,888.84 |
915.86 |
หนี้สินเฉลี่ย (บาท/คน)
|
9,540.80 |
11,148.30 |
11,600.32 |
2,059.52 |
คุณภาพการควบคุมภายใน (%)
|
|
|
|
|
ระดับดีมาก - ดี
ระดับพอใช้
ระดับควรปรับปรุง |
35.16%
29.45%
35.39% |
25.29%
32.79%
41.92% |
55.62%
29.29%
15.00% |
20.46% -0.16%
-20.30% | |