ภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคสหกรณ์ไทย ปี 2552 ฉลุย สมาชิกกว่า 10 ล้านคนเศษ พึ่งพากันเองในหมู่
คณะสร้างมูลค่าธุรกิจ 1.26 ล้านล้านบาท สร้างกำไรสุทธิ 40,030.12 ล้านบาท และมีเงินออมเฉลี่ย 76,648
บาทต่อคน มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบตลอดทั้งปี เน้นย้ำหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำบัญชีมีวินัยทางการเงิน
ในปี2552 เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ซึ่งส่งผลต่อการส่งออก
และการท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนที่จะมีผลต่อการตัดสินใจใช้จ่ายและขยายการลงทุน
นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักออกมาให้ความคิดเห็นกันค่อนข้างเยอะ บ้างก็ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นในช่วงไตรมาสที่ 3-4
ของปี 2552บ้างก็ว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยจะซึมยาว ประมาณ 2-3 ปี ซึ่งการคาดการณ์ทั้งหมดนี้คงจะบ่งบอก
ให้เรารู้เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันนี้ยังไม่ดีและสัญญาณอีกอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือการที่รัฐบาลออก
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการแจกเงิน การเร่งเสริมสภาพคล่อง และอื่นๆ อีกมาก ก็เพื่อที่จะหาทางให้ภาวะเศรษฐกิจ
ของประเทศไทยฟื้นขึ้นโดยเร็ว และนั่นก็คือเป้าหมายที่ทุกคนในประเทศรวมทั้งรัฐบาลต้องการเห็น
ภาคสหกรณ์ไทย : จำนวน 10,400 แห่ง มีทุนดำเนินการ 1.13 ล้านล้านบาท
ภาคสหกรณ์ถือเป็นภาคที่หลายคนเห็นว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่หากพิจารณาจริงๆแล้วภาคสหกรณ์ก็
ไม่ต่างกับภาคธุรกิจหนึ่งเช่นกัน มีทั้งภาคเกษตร ภาคการเงิน ภาคการผลิต/บริการ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจประเทศ
ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามจากตัวเลขภาคสหกรณ์ไทย 10,400 แห่ง สมาชิกกว่า 10 ล้านคนเศษ พบว่า มีทุนดำเนินการมากถึง
1.13 ล้านล้านบาท (ภาคกลางมากสุด 58.27%) รอบ 3 ปี( พ.ศ. 2550-2552) ทุนดำเนินการเพิ่มขึ้นกว่า 2 แสนล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.83 จาก 8.83 แสนล้านบาทในปี 2550 เป็น 1.13 ล้านล้านบาทในปี 2552 บ่งบอกถึงทุนที่เติบโต
อย่างมั่นคง และเพียงพอต่อการดำเนินงาน
ภาคสหกรณ์ไทย |
ภาคกลาง |
ภาคเหนือ |
ภาคใต้ |
ภาคตะวันออก
เฉียงเหนือ |
รวมทั้งสิ้น |
จำนวน(แห่ง) |
3,156 |
2,448 |
1,511 |
3,285 |
10,400 |
จำนวนสมาชิก (คน) |
3,745,631 |
2,227,702 |
1,197,568 |
3,489,826 |
10,660,727 |
เปรียบเทียบทุนดำเนินการ รอบปี 2550/52 |
รอบปี 2550 |
501,999.74 |
115,109.85 |
75,598.29 |
190,596.69 |
883,304.58 |
รอบปี 2552 |
657,946.78 |
142,831.11 |
98,404.60 |
229,927.28 |
1,129,109.77 |
เพิ่ม/ลด |
155,947.04 |
27,721.26 |
22,806.31 |
39,330.59 |
245,805.19 |
ร้อยละ |
31.07 |
24.08 |
30.17 |
20.64 |
27.83 |
การจัดการ 5 ธุรกิจหลัก : สร้างมูลค่าธุรกิจ 1.26 ล้านล้านบาท
หากดูการจัดการ 5 ธุรกิจหลักภาคสหกรณ์ไทยรอบปี 2552 พบว่า สร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจ 1.26 ล้านล้านบาท คิด
เป็นร้อยละ14.17 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ(GDP) (ภาคกลางมากสุด 56.03%) เกินกว่าครึ่งจัดการธุรกิจให้สินเชื่อ
มากที่สุดร้อยละ 63.04 ( ภาคกลางมากสุด 56.09%) รอบ 3 ปี (พ.ศ.2550-2552) มูลค่าธุรกิจเพิ่มขึ้นกว่า 2 แสนล้าน
บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.69 จาก 9.91 แสนล้านบาทในปี 2550 เป็น 1.26 ล้านล้านบาทในปี 2552 สะท้อนให้เห็นว่า
ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจการเงิน สถาบันการเงินทั่วไปมีปัญหาไม่สามารถปล่อยกู้ได้ แต่ภาคสหกรณ์ไทยกับเป็นที่พึ่งอย่างดี
ให้กับมวลสมาชิกได้ในอัตราที่เพิ่มขึ้น
การจัดการธุรกิจ |
ภาคกลาง |
ภาคเหนือ |
ภาคใต้ |
ภาคตะวันออก
เฉียงเหนือ |
รวมทั้งสิ้น |
วงเงิน 5 ธุรกิจหลัก (ล้านบาท) |
รับฝากเงิน |
216,781.47 |
47,196.82 |
29,177.06 |
34,786.95 |
327,942.30 |
ให้สินเชื่อ |
447,612.73 |
105,439.21 |
63,733.83 |
181,198.41 |
797,984.19 |
จัดหาสินค้ามาจำหน่าย |
22,484.00 |
15,818.56 |
7,932.10 |
18,211.07 |
64,445.73 |
รวบรวมผลผลิต/แปรรูป |
21,655.57 |
9,710.68 |
32,503.98 |
10,392.19 |
74,262.42 |
ให้บริการ |
734.66 |
143.26 |
160.73 |
166.53 |
1,205.18 |
รวม |
709,268.44 |
178,308.53 |
133,507.69 |
244,755.15 |
1,265,839.81 |
เปรียบเทียบวงเงินธุรกิจ รอบปี 2550/52 |
รอบปี 2550 |
546,804.96 |
138,586.93 |
115,044.45 |
190,904.18 |
991,340.52 |
รอบปี 2552 |
709,268.44 |
178,308.53 |
133,507.69 |
244,755.15 |
1,265,839.81 |
เพิ่ม/ลด |
162,463.48 |
39,721.60 |
18,463.24 |
53,850.97 |
274,499.29 |
ร้อยละ |
29.71 |
28.66 |
16.05 |
28.21 |
27.69 |
ผลตอบแทนการจัดการธุรกิจ : สร้างกำไรสุทธิ 40,030.12 ล้านบาท
สำหรับผลตอบแทนการจัดการธุรกิจ พบว่าทุกภูมิภาคสร้างรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 2 แสนล้านบาท เฉลี่ย 17,730 ล้าน
บาทต่อเดือน และสร้างกำไรสุทธิทุกภูมิภาค (ภาคกลางสูงสุด 57.27%) สมาชิกมีเงินออมเฉลี่ยสูงกว่าหนี้เฉลี่ย 1 เท่า
เฉลี่ย 76,648 บาทต่อคน (ภาคกลางสูงสุด 147,417 บาทต่อคน) และทุกภาคมีการควบคุมภายในอยู่ในระดับค่อนข้าง
ดี-ดีมากร้อยละ70.88 (ภาคตะวันออกเฉียง เหนือสูงสุด 75.63%) และมีเพียงร้อยละ 5.63 อยู่ในระดับควรปรับปรุง
ผลตอบแทนการจัดการธุรกิจ |
ภาคกลาง |
ภาคเหนือ |
ภาคใต้ |
ภาคตะวันออก
เฉียงเหนือ |
รวมทั้งสิ้น |
รายได้-ค่าใช้จ่าย-กำไรสุทธิ (ล้านบาท) |
รายได้รวม |
84,249.24 |
33,492.48 |
50,055.08 |
44,963.17 |
212,759.97 |
ค่าใช้จ่ายรวม |
61,324.81 |
28,476.12 |
46,316.28 |
36,612.64 |
172,729.85 |
กำไร(ขาดทุน)สุทธิ |
22,924.43 |
5,016.36 |
3,738.80 |
8,350.53 |
40,030.12 |
เงินออม-หนี้สินเฉลี่ย (บาท/คน) |
เงินออมเฉลี่ย |
143,417.49 |
44,063.59 |
57,482.46 |
32,361.14 |
76,648.00 |
หนี้สินเฉลี่ย |
109,007.65 |
53,303.23 |
66,023.13 |
59,268.63 |
76,256.58 |
การควบคุมภายใน (%) |
ระดับดีมาก-ดี |
71.55 |
69.50 |
65.83 |
75.63 |
70.88 |
ระดับพอใช้ |
21.57 |
26.03 |
28.90 |
30.02 |
23.49 |
ระดับควรปรับปรุง |
6.88 |
4.47 |
5.27 |
4.35 |
5.63 |
คงพอกล่าวสรุปได้ว่า วิกฤตเศรษฐกิจประเทศมีผลต่อภาคสหกรณ์ไทยค่อนข้างน้อยมาก นั่นเป็นเพราะการร่วม
กลุ่มกันในระบบสหกรณ์ หรือการพึ่งพากันในหมู่คณะ ของสมาชิกกว่า 10 ล้านคนเศษ ที่ยังคงศรัทธา เชื่อมั่น กับสหกรณ์
อย่างมั่นคงต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่งผลให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบอย่างสม่ำเสมอทั้งปี สร้างรายได้และความมั่นคงให้
กับภาคสหกรณ์ไทยอย่างเข้มแข้ง ตลอดจนมีผลประโยชน์ตกถึงสมาชิกอย่างทั่วถึงด้วยเช่นกัน นี่เป็นบทสรุปอย่างดีของ
ภาคสหกรณ์ไทยฐานรากเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ
แนวโน้มในปี 2553 หากพิจารณาตามผลประกอบการในปี 2552 ที่ผ่านมา ภาคสหกรณ์ไทยมีทุนที่มั่นคงเพียง
พอ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจ และสร้างกำไรสุทธิ มีพัฒนาการและเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงเชื่อ
มั่นว่า ปี 2553 จะยังคงสามารถดำเนินการและสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่า ทุนดำเนินการจะเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 11.29 เป็น 1.2 ล้านล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจกว่า 1.3 ล้านล้านบาท และสร้างกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 4 หมื่น
ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภาคสหกรณ์ไทยยังจำเป็นต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและเรียกความเชื่อมั่นในการดำเนิน
ธุรกิจต่อเนื่อง ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพากันในหมู่คณะ ทำบัญชีมีวินัยทางการเงิน
ที่มา : เพยาว์ กิมปฐม
|